แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จังหวัด     แนะนำที่พัก โรงแรม รีสอร์ท และ ร้านอาหาร ร้านอร่อย ในจังหวัด 

  เยาวราช 

ถนนเยาวราชเป็นย่านชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ได้สมญานามว่าเป็นถนนสายทองคำ  เป็นแหล่งรวมร้านทองคำรูปพรรณเก่าแก่คุณภาพดี รวมทั้งร้านขายหมูแผ่น หมูหยองที่ดังไกลถึงต่างประเทศและยามค่ำคืนยังเป็นที่รวบรวมสุดยอดร้านอาหาร อร่อยหลากหลายร้าน และสุดถนนเส้นนี้บริเวณวงเวียนโอเดียนจะพบเห็นซุ้มประตูเฉลิม
พระเกียรติ
เป็น สัญลักษณ์ของไชน่าทาวน์ ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในเขตสัมพันธวงศ์สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติในวโรกาส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542       


  ศาลเจ้าพ่อเสือ

ลักษณะอาคารสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน เทพเจ้าประจำศาล คือ " เสียนเทียนซั่งตี้ " หรือ "เจ้าพ่อเสือ "  การสร้างศาลประดิษฐานรูปเสือ   โดยเอากระดูกเสือบรรจุในแท่นปั้นรูปประดิษฐานบนแท่น  อัญเชิญดวงวิญญาณเสือขอให้ปกปักรักษาประชาราษฎร์ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข


 วัดสระเกศ (ภูเขาทอง)

ตั้งอยู่ นอกกำแพงเมือง ริมคลองมหานาค ตรงที่บรรจบกับคลองบางลำพู เดิมเป็นวัดเก่าชื่อว่า 
"วัดสะแก" ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอารามในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลก และพระราชทานนามว่า "วัดสระเกศ" ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่ หัวโดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วเสร็จในรัชกาลพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับพระราชทานนามว่า “สุวรรณบรรพต” มีความสูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบ ที่เมือง
กบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดมซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราช เพราะมีคำ
จารึกอยู่ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ขณะนั้นกำลังทรงผนวชอยู่ที่ประเทศอินเดีย ได้ส่งพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาถวายในฐานะที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็น กษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เป็นพุทธมามกะอยู่ในขณะนั้น เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 07.30 – 
17.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2621 0576


 วัดไตรมิตรวิทยาราม 

อยู่ที่ถนนเจริญกรุง (ใกล้หัวลำโพง) เดิมชื่อว่า "วัดสามจีน" ภายในวัดมีพระพุทธรูปปูนปั้นองค์หนึ่ง เมื่อคราวเปลี่ยนที่ตั้ง ปูนที่หุ้มอยู่ได้กะเทาะออก เห็นภายในเป็นพระพุทธรูปทองคำ ลักษณะองค์พระเป็นศิลปะสุโขทัยจึงได้ถวายพระนามว่า "พระสุโขทัยไตรมิตร" เป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีส่วนผสมของทองคำสูงมาก เรียกว่า "ทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา" มีขนาดหน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว สูง 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว


 วัดอรุณราชวราราม

ตั้งอยู่ที่ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ตรงข้ามกับวัดโพธิ์ ข้ามเรือได้ที่ท่าเตียน เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า “วัดแจ้ง” ต่อมาเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีย้าย ราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ณ กรุงธนบุรี ได้โปรดเกล้าฯ ให้กำหนดเอาวัดแจ้งเป็นวัดในเขตพระราชฐานใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ วัดนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 2 จึงถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 เมื่อบูรณะเสร็จแล้วได้พระราชทานนามว่า “วัดอรุณราชธาราม” ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการก่อสร้างพระปรางค์องค์ใหญ่ซึ่งมีความสูงถึง 67 เมตร แต่มาเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดอรุณราชวราราม” 
เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 7.30 - 17.30 น. ผู้ประสงค์จะเข้าชมในพระอุโบสถต้องทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้าถึงเจ้าอาวาส วัดอรุณฯ
การเดินทาง สามารถใช้เรือโดยสารข้ามฟากจากท่าเตียน หรือท่าวัดโพธิ์ ไปยังท่าวัดอรุณฯ 


 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยา เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้น โดยมีสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้างศิลปสถาปัตยกรรมไทยโบราณที่มีความวิจิตรงดงามและเป็นระเบียบ ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง ทั้งยังประดับด้วยหินอ่อนที่ดีที่สุดจากประเทศอิตาลี เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในชื่อ “Marble Temple” พระประธานของวัดจำลองมาจากพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก บริเวณพระระเบียงด้านหลังพระอุโบสถเรียงรายด้วยพระพุทธรูปโบราณปางต่างๆ 52 องค์ ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงรวบรวมมาจากหัวเมืองต่างๆ และต่างประเทศ


 วัดสุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร

ตั้งอยู่ที่ถนนบำรุงเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสร้างพระ วิหารให้มีขนาดใหญ่เท่ากับพระวิหารวัดพนัญเชิง เป็นศรีสง่าแก่พระนคร ได้พระราชทานนามไว้ว่า “วัดมหาสุทธาวาส” แต่สร้างยังมิทันสำเร็จ ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงดำเนินงานต่อ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดสุทัศน์เทพวราราม” สร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่วัดสุทัศน์ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่นๆ เพราะมีสัตตมหาสถานเป็นอุเทสิกเจดีย์ (ต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา 7 ชนิด) แทนที่อยู่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) พระประธานของวัดที่ได้ชะลอมาจากวิหารหลวงวัดมหาธาตุเมืองสุโขทัย และบานประตูพระวิหาร ซึ่งเป็นศิลปกรรมชั้นเยี่ยมทางด้านการแกะสลักในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะคู่ที่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้นำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30–21.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2224 9845, 0 2222 9632


 วัดราชนัดดาราม  

อยู่ที่ถนนมหาไชย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2389 เป็นวัดที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี มีเจ้าพระยายมราชเป็นแม่กองออกแบบ เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์เป็นแม่กองสร้างโลหะปราสาท วัดนี้แปลกกว่าวัดอื่น คือ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างธรรมเจดีย์ปราสาทแทนการสร้างพระเจดีย์ (นับเป็นแห่งที่ 3 ของโลก) มีความสูง 36 เมตร ประกอบด้วย เจดีย์ล้อมรอบ 37 องค์ เพื่อให้เท่ากับ “โพธิปักขียธรรม 37 ประการ” ปัจจุบันโลหะปราสาทแห่งนี้เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลก เนื่องจากโลหะปราสาทที่ประเทศอินเดียและศรีลังกาได้ปรักหักพังไปหมดแล้ว เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–20.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2224 8807, 0 2225 5769 


 วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ตั้ง อยู่ที่ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือวัดระฆัง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ สร้างตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระประธานยิ้มรับฟ้า เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จ
พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระราชาคณะในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อไปสักการะสมเด็จพุฒาจารย์ ให้ขอพรโดยการสวดคาถาชินบัญชร แล้วปักธูปที่กระถาง และปิดทองที่รูปปั้น เสร็จแล้วพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล  สามารถเดินทางโดยรถประจำทางสาย 19, 57 หรือมาทางเรือโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงที่ท่าเรือรถไฟหรือท่าวังหลัง หรือข้ามฟากที่ท่าช้าง แล้วขึ้นที่ท่าเรือวัดระฆัง


 วัดชนะสงคราม

เดิมอยู่กลางทุ่งนาจึงเรียกว่า " วัดกลางนา"  สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสถาปนาขึ้นใหม่ และรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ทหารรามัญในกองทัพของ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท  ชาวบ้านนิยมเรียกว่า" วัดตองปุ "  ตามแบบวัดตองปุในสมัยอยุธยา ต่อมาเมื่อมีชัยชนะต่อกองทหารข้าศึกจึงพระราชทานนามใหม่ว่า "  วัดชนะสงคราม  " เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย พระนามว่า "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดมบรมศาสดา อนาวรญาณ"  
วัดชนะสงครามตั้งอยู่ที่ ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร สามารถเดินทางโดยรถประจำทางสาย 33, 64, 65, ปอ. 32, 64, 65 


 วัดอินทรวิหาร

ตั้งอยู่ที่แยกบางขุนพรหม  ถนนวิสุทธิกษัตริย์  เขตพระนคร  วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายประมาณ พ.ศ.2295 เดิมชื่อวัดบางขุนพรหม ซุ้มประตู
ทางเข้าวัด 3 ซุ้ม เป็นศิลปะทรงไทย เรือนยอดตรงกลางเป็นรูปพระมหาบุรุษมหาภิเนษกรมณ์ ณ ฝั่งแม่น้ำอโนมา ด้านขวาเป็นรูปพระอินทร์ ด้านซ้ายเป็นรูปพระพรหม สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่ "พระพุทธศรีอริยเมตไตรย" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ สูง 32 เมตร กว้าง 10 เมตร 24 นิ้ว สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บนยอดเกศองค์หลวงพ่อโตบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถเป็นภาพชีวประวัติของสมเด็จพระพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ภาพสิ่งก่อสร้างต่างๆของสมเด็จฯ  ภาพต้นไม้ ด้านล่างพระอุโบสถเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่า  ศาลาการเปรียญประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)  นอกจากนี้ยังมี มณฑป ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง  หอระฆังหลังคาทรงจัตุรมุข พระสังกัจจายน์  พระแม่กวนอิมอวโลกิเตศวร  พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ต้นโพธิ์ไทย โพธิ์ลังกาและโพธิ์อินเดีย ซึ่งหาดูได้ยากในปัจจุบัน  เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยไม่เสียค่าเข้าชม ตั้งแต่เวลา 08.30–20.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2628 5550-2


 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 

อยู่ ที่ถนนเฟื่องนคร เป็นวัดที่มีเสมาขนาดใหญ่ทำเป็นเสาศิลาสลักรูปเสมาธรรมจักรอยู่บนเสาตั้ง อยู่ที่กำแพงวัดทั้ง 8 ทิศ บริเวณวัดนี้เดิมเป็นวังของพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ วัดราชบพิธฯ เริ่มก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2412 (สมัยรัชกาลที่ 5) เสร็จในปี พ.ศ. 2413 แล้วนิมนต์พระสงฆ์จากวัดโสมนัสวรวิหารมาจำพรรษาอยู่ พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธนิรันตรายมาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ ศิลปกรรมที่สำคัญในวัดได้แก่ บานประตู และหน้าต่างของพระอุโบสถที่มีลายไทยลงรักประดับมุกเป็นรูปดวงตราครื่องราช อิสริยาภรณ์ต่างๆ สวยงามมาก


 วัดราชบูรณะ

ตั้งอยู่เชิงสะพานพุทธฝั่งกรุงเทพฯ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดเลียบ สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายโดยพ่อค้าชาวจีน วัดนี้เป็นหนึ่งในจำนวนวัดเอกประจำเมือง 3 วัด ได้แก่ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐ์ และวัดมหาธาตุ วัดนี้ได้รับการบูรณะมาตลอดตั้งแต
่รัชกาลที่ 1-7 เว้นรัชกาลที่ 6 รัชกาลเดียว ในคราวสงครามมหาเอเซียบูรพา สถานที่สำคัญๆ ของวัดถูกระเบิดพังทลาย โดยเฉพาะพระอุโบสถที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง
ถูกระเบิดทำลายจน หมด ต่อมาได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ดังที่เห็นในปัจจุบัน เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00–20.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2221 3936, 0 2221 9544


 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร

ตั้งอยู่ริมสนามหลวง ถนนหน้าพระธาตุ (ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปากร) เป็นพระอารามหลวงฝ่ายมหานิกายชั้นเอก เดิมชื่อว่า วัดสลัก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท โปรดให้สร้างขึ้นใหม่พร้อมกับพระบรมมหาราชวังแล้วพระราชทานนามว่า “วัดนิพพานาราม” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดพระศรีสรรเพชร์” เคยใช้เป็นที่สังคายนาพระไตรปิฏกหลังจากกรมพระราชวังบวรฯ เสด็จสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเปลี่ยนนามพระอารามใหม่ว่า “วัดมหาธาตุ” 
ส่วนคำว่า “ยุวราชรังสฤษดิ์” มาเพิ่มในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว หลังจากที่ทรงปฏิสังขรณ์แล้ว ภายในวัดมีสิ่งสำคัญ คือ พระอุโบสถ พระวิหาร พระมณฑป วิหารโพธิ์ลังกา หรือวิหารน้อย ต้นศรีมหาโพธิ์ และมหาวิทยาลัยสงฆ์ชื่อ “มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย” เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. สอบถามเพิ่ม
เติมได้ที่ โทร. 0 2221 5999, 0 2224 1415, 0 2222 7984 


 วัดบวรนิเวศวิหาร

อยู่ ที่ถนนพระสุเมรุ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยมีกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองก่อสร้าง เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4, 6, 7 และ 9 เมื่อครั้งทรงผนวช ณ วัดแห่งนี้ สิ่งที่น่าชมภายในวัด ได้แก่ พระพุทธชินสีห์ พระรูปสมเด็จพระสมณเจ้า 2 องค์ คือ สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ และสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ตำหนักปั้นหยา และพระศาสดา พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ซึ่งพระมหาธรรมราชาลิไททรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1900


 วัดเทพธิดาราม

อยู่ที่ถนนมหาไชย เดิมชื่อวัดบ้านพระยาไกรสวนหลวง วัดนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานแก่กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2379 เสร็จในปี พ.ศ. 2382 สถาปัตยกรรมที่สำคัญ คือ พระปรางค์ทิศทั้งสี่ เป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 บุษบกที่รองรับพระประธานภายในโบสถ์ประดิษฐ์อย่างสวยงาม และที่ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์แบบอย่างในรัชกาลที่ 3 
นอกจากนี้ระหว่าง พ.ศ. 2383-2385 วัดนี้เคยเป็นที่พำนักของสุนทรภู่กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อคราวบวชเป็นพระภิกษุ ปัจจุบันยังมีกุฏิหลังหนึ่งเรียกว่า “บ้านกวี” เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน


 วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม   

ตั้งอยู่ติดกับด้านเหนือสวนสราญรมย์ มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ เป็นวัดที่มีเนื้อที่เล็กมาก วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีพระราชประสงค์จะให้เป็นวัดธรรมยุต และเป็นไปตามโบราณประเพณีว่าในราชธานีต้องมีวัดสำคัญ 3 วัดเสมอ จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อสวนกาแฟหลวง ในรัชกาลที่ 3 สร้างวัดเล็กๆ ขึ้นวัดหนึ่ง พระราชทานนามว่า "วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม" แล้วต่อมาทรงเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม" สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดนี้ คือ พระวิหารหลวงซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาฝนังเกี่ยวกับพระราชพิธีสิบสองเดือน และภาพสุริยุปราคา เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00–22.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2223 8215, 0 2622 0744


 วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร 

อยู่ในเขตดุสิต สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในพระอุโบสถมีพระประธาน นามว่า พระพุทธเทวราชปฎิมากร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะทวาราวดี และยังมีจิตรกรรมฝาผนังแสดงภาพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จโปรดพุทธมารดา ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และภาพสุวรรณสามชาดก


 วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษิก

เป็นวัดพระอารามหลวงประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งได้มีพระราชดำรัสให้จัดสร้างขึ้นให้เป็นวัดขนาดเล็กที่เรียบง่าย มุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยสูงสุด เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในลักษณะ 3 ประสาน คือ บ้าน วัด โรงเรียน หรือที่เรียกว่า 
"บวร" วัดพระราม 9 ได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงเมื่อ พ.ศ. 2542  ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง ในเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ พระอุโบสถมีขนาดกระทัดรัดเพื่อให้เป็นตัวอย่างของการสร้างวัดสำหรับชุมชน วัสดุก่อสร้างทั้งหมดเป็นของที่ผลิตในประเทศ เป็นรูปแบบผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรมร่วมสมัย หลังคามุงกระเบื้องทำด้วยแผ่นเหล็กสีขาว เครื่องบนหลังคาเป็นปูนปั้นลายดอกพุดตาน ประดับหน้าบันด้วยลายปูนปั้น  ที่หน้าบันพระอุโบสถประดิษฐานพระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นการเทิด พระเกียรติ พระประธานในพระอุโบสถ คือ "พระพุทธกาญจนธรรมสถิต" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยมีพุทธลักษณะแบบรัตนโกสินทร์ ผสมผสานระหว่างอุดมคติ และเหมือนจริงด้วยการห่มจีวรแบบพระสงฆ์ที่เหมือนจริง แต่มีพระเกศาเป็นแบบอุดมคติ พระเกศพระประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


 วัดกระทุ่มเสือปลา

ตั้งอยู่ที่ถนนอ่อนนุช ซอยอ่อนนุช 67 แขวงประเวศ  เขตประเวศ สำหรับประวัติวัด  ทราบแต่ว่าสร้างขึ้นเมื่อปลายกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2315 วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประดับเพชร โดยจำลองแบบมาจากพระพุทธชินราชสมัยสุโขทัย จีวรประดับด้วยเพชรรัสเซีย และภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์อีก 2 แห่ง คือ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง และพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูป 80 ปาง  ภายในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมีรูปปั้นของพระเกจิชื่อดังอยู่
หลายรูป เช่น หลวงปู่ทองอายะนะ วัดลาดบัวขาว หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้ ปัตตานี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี วัดระฆัง หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ และหลวงพ่อลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี  หุ่นขี้ผึ้งเหล่านี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2541 เพื่อเป็นการระลึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำและเกจิอาจารย์ที่มีครูบาอาจารย์ เกี่ยวข้องกัน ส่วนภายในพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูป 80 ปาง มีพระประธานองค์ใหญ่ และรายล้อมไปด้วยพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อีก 80 องค์ในอิริยาบถต่างๆ โดยที่ฐานพระพุทธรูปแต่ละองค์จะมีชื่อปางและคำอธิบายต่างๆ และภายในวัดยังมีจำลองรูปปั้นของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สำหรับให้ประชาชนสักการะ
อีกด้วย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2328 7776, 0 2328 7666


 วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร

ตั้งอยู่ที่แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ สามารถเดินทางโดยเรือล่องมาตามคลองบางกอกใหญ่ เดิมชื่อ วัดหมู มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3 และพระราชทานนามว่า วัดอัปสรสวรรค์ วัดนี้สิ่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระพุทธรูปพระประธานในวัดที่มีถึง 28 องค์ ต่างจากวัดทั่วไปที่มีพระประธานเพียงองค์เดียว  พระพุทธรูปทุกองค์เป็นปางมารวิชัยบนฐานชุกชี
เดียวกันที่สร้างลดหลั่นกันลงมา องค์หน้าสุดคือ พระพุทธโคดม ซึ่งหมายถึงพระศาสดาองค์ปัจจุบัน ส่วนองค์อื่น ๆ หมายถึงพระพุทธเจ้าใน ภพต่าง ๆ 27 ภพ ซึ่งมีพระนามจารึกอยู่ที่ฐานทุก
พระองค์ พระอุโบสถเปิดให้เข้าชมทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ หากประสงค์จะชมในวันอื่นต้องติดต่อวัดล่วง
หน้าที่ โทร. 0 2467 5392, 0 2458 0917


 วัดพระศรีมหาอุมาเทวี(วัดแขก)

 เป็นวัดในศาสนาพราหมณ์ฮินดู นิกายศักติ ซึ่งนับถือเทพสตรีผู้เป็นแม่เป็นใหญ่ในลัทธิ สร้างขึ้นประมาณปี 2422 โดยชาวอินเดียจากรัฐทมิลนาดูที่โดยสารเรือเข้ามาประเทศไทยทาง
ภาคใต้ จากนั้นได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่คลองสีลม ได้ร่วมกันสร้างเทวาลัยของ “องค์พระแม่ศรีมหามารีอัมมัน” เพื่อเป็นที่เคารพสักการะบูชา และจะมีพิธี “นวราตรี” ซึ่งเป็นพิธีบูชาพระศรีมหาอุมาเทวี ในช่วงปลายเดือนกันยายน – ต้นเดือนตุลาคม ของทุกปี เปิดให้เข้าบูชาทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 – 20.00 น. วันศุกร์ 06.00 – 21.00 น.


 วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

ตั้ง อยู่ที่แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท สร้างขึ้นเมื่อสมัยราชกาลที่ 3 เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต หรือเรียกตามแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง สามารถเดินทางโดยรถประจำทาง สาย 40, 57, 149, ปอ. 177 หากเดินทางโดยเรือใช้บริการข้ามเรือข้ามฟากที่ท่าเรือปากคลองตลาด มาท่าเรือวัดกัลยาฯ


 วัดโอรสาราม ราชวรวิหาร

ตั้งอยู่ริมคลองสนามชัยฝั่งตะวันตก ทางรถยนต์ใช้เส้นทางถนนเอกชัย-จอมทอง ทางเรือสามารถเช่าเรือหางยาวนำเที่ยวจากท่าช้างได้ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาแต่สมัย
กรุงศรีอยุธยา และยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3 สิ่งก่อสร้างและศิลปการตกแต่งในวัดผสมผสาน
ศิลปไทยและจีนได้อย่างประณีตกลม กลืนสวยงามมาก จอห์น ครอเฟิร์ด (John Crawfurd) ราชฑูตอังกฤษที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้เขียนยกย่องถึงวัดนี้ว่าเป็นวัด
ที่สร้างขึ้นได้อย่างงดงามที่สุดของ บางกอก โทร. 0 2415 2286, 0 2893 7274


 วัดยานนาวา

ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง ระหว่างซอย 52 และ 54  แขวงยานนาวา อยู่ใกล้กับสะพานตากสิน  ภายในวัดมีแบบจำลองรูปเรือสำเภา และมีพระเจดีย์ประดับเป็นเสากระโดงสองข้าง  มีขนาดเท่าสำเภาจริงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า “คนภายหน้าอยากจะเห็นว่าเรือสำเภาเป็นอย่างไรจะได้มาดู” แล้วทรงควบคุมการก่อสร้างด้วย
พระองค์เอง เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการค้าขายกับชาว จีนมาก และชาวจีนใช้เรือสำเภา
ในการขนส่งเกือบทุกชนิด  นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถซึ่งสร้างสมัยรัชกาลที่ 1 มีจุดเด่นที่หน้าบันเป็นลวดลายรูปสัตว์ ประณีตงดงามมาก


  ค้นหาข้อมูล