WWW.TRAVEL2GUIDE.COM

วัดสุทธิวาตวราราม หรือ วัดช่องลม

ตั้งอยู่ตรงปากอ่าวสมุทรสาคร ตำบลท่าฉลอม ตรงข้ามกับตัวเมือง เดินทางโดยทาง
หลวงหมายเลข 35 เลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 35 เข้าถนนสุทธิวาตวิถีประมาณ 3 กิโลเมตร วัดช่องลมเป็นพระอารามหลวงได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดนั้นประกอบด้วย
พระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว    ประดิษฐานอยู่ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินท่าฉลอม และทรงตั้งเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย    
หลวงพ่อหินแดง  11 นิ้วพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะแบบอยุธยา
ตอนปลาย ทำด้วยศิลาแดงทั้งองค์  มีลักษณะพิเศษคือพระหัตถ์ข้างซ้ายมี 6 นิ้วจึงเรียกว่า
พระ 11 นิ้ว 
หลวงปู่แก้ว  อดีตเจ้าอาวาสวัดช่องลมเมื่อท่านมรณภาพไปแล้วผู้ศรัทธาทั้งหลายได้นำสังขาร ของท่านไว้ในโลงทองอย่างสวยงามพร้อมทั้งหล่อรูปเหมือนของท่านในท่านั่งสมาธิ ประดิษฐานไว้ภายในวิหาร
ชมชีวิตนกนางแอ่น  จำนวนนับพันมาอาศัยทำรังตามผนังโบสถ์ด้านหลัง  จนปรากฎลวดลายจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามได้บริเวณท่าน้ำหน้าวัด  ทั้งยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการและเนื่องจากวัดนี้  ตั้งอยู่ปากอ่าว  จึงมี เรือประมงมารอให้บริการเช่าออกไปลอยอังคารด้วย


วัดโกรกกราก์

ตั้งอยู่ที่ตำบลโกรกกราก ฝั่งมหาชัย อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่  ริมแม่น้ำท่าจีน สมัยรัตนโกสินทร
์ตอนต้น สิ่งก่อสร้างประกอบด้วย พระอุโบสถไม้ เจดีย์ราย 2 องค์ สิ่งที่น่าแปลกของวัดนี้คือ พระประธานในโบสถ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลาแลงปางมารวิชัย และรูปเหมือนหลวงปู่กรับ หรือพระครูธรรมสาคร อดีตเจ้าอาวาสวัดโกรกกราก ล้วนแต่ใส่แว่นตาดำ กล่าวกันว่าเคยมีผู้มาบนบานศาลกล่าวให้อาการบาดเจ็บที่ดวงตา
หายขาด แล้วจึงถวายแว่นดำเป็นการแก้บน ผู้คนจึงนิยมถวายแว่นตาดำสวมไว้ตลอดนับแต่นั้น
เป็นต้นมา

การเดินทาง จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 3242 เลยโรงพยาบาลสมุทรสาครประมาณ 500 เมตร เลี้ยวขวาตรงสามแยกเข้าถนนกิจมณี (ทางหลวงหมายเลข 3243)  ตรงไปข้ามทางรถไฟและสะพานข้ามคลองมหาชัย ลงสะพานแล้วเลี้ยวขวา ผ่านโค้ง
วัดตึกมหาชยาราม ตรงไปอีกราว 2.5 กิโลเมตร
มีบริการถสองแถวสายมหาชัย-บ้านโกรกกราก ที่คิวรถถนนราษฎร์บรรจบ ความเป็นมาเกี่ยวกับพระประธานของวัด
หลวงพ่อปู่วัดโกรกกราก เป็นพระเนื้อศิลาแลง อายุมากกว่า 100 ปี พระประธานของวัดโกรกกราก  มีความแปลกและน่าสนใจที่พระพุทธรูปที่วัดนี้สวมแว่นตาดำไว้ตลอด  เดิมทีหลวงพ่อปู่ประดิษฐานอยู่ที่วัดช่องสะเดา ซึ่งเป็นวัดร้างเก่าแก่ ริมแม่น้ำท่าจีน ห่างจาก
วัดโกรกกราก ไม่กี่กิโลเมตร ชาวรามัญบ้านกำพร้า จึงอัญเชิญลงเรือพร้อมพระเนื้อสำริดอีกองค์ ล่องมาตามแม่น้ำเพื่อนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดอื่น  ระหว่างล่องเรือเกิดพายุ ฝนตกหนัก จึงจอดเรืออุ้มพระศิลาแลง มาหลบฝนบนฝั่งหน้าวัดโกรกกราก เพื่อไม่ให้ถูกน้ำฝนกัดเซาะ
พอลมฝนสงบ จะอุ้มลงเรือ แต่อุ้มไม่ขึ้น ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม หนึ่งในชาวบ้านจึงตั้งจิตอธิฐานว่า หากพระศิลาแลงต้องการจะอยู่ที่วัดโกรกกราก ก็ขอให้อุ้มพระขึ้น สุดท้ายสามารถอุ้มขึ้นได้ จึงอัญเชิญมาไว้ที่วัดโกรกกรากนับแต่บัดนั้น และเรียกกันว่าหลวงพ่อปู่วัดโกรกกราก ส่วนที่ใส่แว่นตาดำไว้ตลอด เพราะ สมัยหนึ่งเกิดมีโรคตาแดงระบาดไปทั่วตำบลโกรกกราก รักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด ชาวบ้านจึงมาบนบานกราบไหว้หลวงพ่อปู่ ว่าหายจากโรคตาแดง จะนำแว่นตาดำมาถวาย จากนั้นไม่นานชาวบ้านก็หายจากโรค จึงได้นำแว่นมาถวายและสวมไว้ตลอดจนถึงทุกวันนี้


ป้อมวิเชียรโชฎก

ตั้งอยู่ตำบลมหาชัย ห่างจากศาลากลางจังหวัด 200 เมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2371 สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่ เนื่องจากในสมัยนั้นได้เกิดกรณีพิพาทกับญวณเรื่อง
เจ้าอนุวงศ์เมือง เวียงจันทน์ รัชกาลที่ 3 ทรงเกรงว่าญวณจะยกกำลังมารุกรานไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) เป็นแม่กองสร้างป้อมเพื่อรักษาปากน้ำท่าจีนที่เมืองสมุทรสาคร และพระราชทานนามว่า
“ป้อมวิเชียรโชฎก” ลักษณะของป้อมก่อด้วยอิฐถือปูน ไม่มีป้อมยามมีแต่หอรบ ตามช่องของกำแพงมีปืนใหญ่ไว้สำหรับป้องกันข้าศึกที่มาทางปากน้ำ


อุทยานการเรียนรู้พันท้ายนรสิงห์
ตั้งอยู่ในโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์ ตำบลโคกขาม จัดสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์การศึกษาเรียนร
ู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตผู้คน และทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ของจังหวัดสมุทรสาคร
บนพื้นที่ 7 ไร่ ภายในประกอบด้วย  อาคารพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและการตั้งถิ่นฐานของ จังหวัดสมุทรสาคร
สภาพภูมิศาสตร์ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ บุคคลสำคัญของจังหวัด ตลอดจนมรดกธรรมชาติป่าชายเลน เป็นต้น   ด้านนอกอาคารมี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน จัดเป็นห้องเรียนศึกษาธรรมชาติกลางแจ้ง ให้ความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลน สัตว์และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ
ในป่าชายเลน เช่น ต้นโกงกาง ต้นแสม ปูก้ามดาบ ปลาตีน หอยพิม หอยแครง ฯลฯ และยังมี สถานีโครงกระดูกปลาวาฬ ซึ่งขุดพบบริเวณบ่อกุ้งเก่าของนายประสิทธิ์ เจริญชนม์ บริเวณหมู่ 8
ตำบลโคกขาม และได้ขอนำมาเก็บไว้ศึกษาเรียนรู้ที่โรงเรียน  นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติ และการใช้ไม้ไผ่ตงปักชายฝั่งเพื่อใช้ชลอคลื่นสร้างแผ่นดิน ผู้สนใจเข้าชมหรือร่วมทำกิจกรรมเป็นหมู่คณะกรุณาติดต่อล่วงหน้า สอบถามรายละเอียด
โทร. 08 1555 1653 (อาจารย์ประสาน), 08 9491 6011 (คุณนรินทร์), 
08 1443 6425 (คุณวรพล) หรือ www.phanthai.ac.th 

วัดนางสาว
ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าไม้ เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) แยกเข้าทางหลวง
หมายเลข 3091 ประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวเข้าซอยวัดนางสาว 2 ประมาณ 1 กิโลเมตร ประวัติความเป็นมาของวัดมีเรื่องเล่ากันว่า เมืองสาครบุรี คือ เมืองชายทะเลตอนใต้ของกรุงศรีอยุธยา เมื่อเกิดสงครามในพม่าชาวไทยกลุ่มหนึ่งได้อพยพหนีมาตามริมแม่น้ำท่าจีน คนชราและผู้หญิงได้พากันไปหลบซ่อนในโบสถ์เก่า ต่อมาคนไทยได้ช่วยกันต่อสู้กับทหารพม่าจนได้รับชัยชนะ และผู้ที่อพยพมาได้ตั้งบ้านเรือนอย
ู่บริเวณนั้น ในกลุ่มนี้มีสองพี่น้องที่เคยอาศัยโบสถ์หลบหนีภัย ทั้งสองมีความคิดที่จะบูรณะโบสถ์ใหม่ แต่พี่สาวเห็นว่าโบสถ์ทรุดโทรมมากจึงไปสร้างวัดใหม่แทน น้องสาวต้องการทำตามสัจจาธิษฐานของตนว่าถ้ารอดตายจะบูรณะซ่อมแซมโบสถ์ จึงดำเนินการบูรณะจนเสร็จและตั้งชื่อว่า "วัดพรหมจารีย์" ต่อมาชาวบ้านเรียกว่า "วัดน้องสาว" จนปัจจุบันเพี้ยนมาเป็น "วัดนางสาว" โบราณสถานที่สำคัญของวัดนี้ คือ โบสถ์ที่มีฐานโค้งเป็นรูปเรือสำเภาก่ออิฐ มีประตูเข้าออกเพียงประตูเดียวชาวบ้านเรียกว่า
"โบสถ์มหาอุด" หลังคามุงกระเบื้องดินเผาแบบเก่า ขื่อข้างบนใช้ไม้ซุงทั้งต้น มีเสมาคู่เป็นหินทรายขนาดเล็กอยู่รอบๆ โบสถ์ นอกจากนี้บริเวณหน้าวัดซึ่งติดกับแม่น้ำท่าจีน ยังมีอุทยานมัจฉาประกอบด้วยฝูงปลาสวายจำนวนมากอาศัยอยู่ นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารแก่ฝูงปลาและเที่ยวชมอยู่เสมอ

พื้นที่ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวมหาชัย

ตั้งอยู่ตำบลบางหญ้าแพรก บริเวณปากแม่น้ำท่าจีนฝั่งขวา เดินทางไปตามถนนสุทธิวาตวิถี
ประมาณ 2.5 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าไป 6 กิโลเมตร พื้นที่ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวมหาชัยอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่า อ่าวมหาชัยฝั่งตะวันตก
มีพื้นที่ 3,872 ไร่ เหมาะสำหรับเป็นแหล่งศึกษา ค้นคว้า และวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของระบบนิเวศป่าชายเลนและปากแม่น้ำท่าจีน และบริเวณที่ทำการศูนย์มีที่สำหรับกางเต็นท์พักแรม สำหรับผู้ที่สนใจจะร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลนได้ด้วย


นากุ้งนาเกลือ

จังหวัดสมุทรสาครมีชายฝั่งที่เหมาะกับการทำนาเกลือนา กุ้งหลายแห่งโดยเฉพาะที่ตำบลกาหลง
ตำบลนาโคก ตำบลบ้านบ่อ ตำบลบางโทรัด ตำบลโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ และบริเวณสองข้างทางสายธนบุรี-ปากท่อต่อเขตจังหวัดสมุทรสงคราม มีนาเกลือและเกลือวาง
ขายเรียงราย มีนกหลายชนิดบินผ่านไปมา มีกังหันวิดน้ำเข้านาเกลือหมุนแล่นลม เป็นทัศนียภาพที่สวยงาม


ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

หรือเจ้าพ่อวิเชียรโชติ สร้างแบบเก๋งจีน ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับป้อมวิเชียรโชฎก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประชาชนเคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวประมงในจังหวัด โดยก่อนออกเรือเพื่อไปหาปลาทุกครั้งชาวประมงจะต้องไปทำพิธีสักการบูชา และจุดประทัดบริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ใกล้กันเป็นยังมี
อาคารแบบไทย  ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปกร  ภายในประดิษฐาน  เสาหลักเมืองที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


วัดป่าชัยรังสี

ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ตำบลบ้านเกาะ จากมหาชัยเดินทางไปตามถนนเศรษฐกิจ
(ทางหลวงหมายเลข 3091) ประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 16 (ตรงข้ามสถานีไฟฟ้าย่อย) เข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาประมาณ 200 เมตร วัดป่าชัยรังสีสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 สิ่งที่น่าสนใจคือ รูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคล้ายกับปราสาทหินทางภาคอีสาน

 
ตลาดสดมหาชัย

ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ใกล้กับป้อมวิเชียรโชฎกและศาลหลักเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัด
ประมาณ 200 เมตร เป็นตลาดที่รวมอาหารทะเลสดและแห้ง นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการค้าการคมนาคมของสมุทรสาคร เนื่องจากการคมนาคมสัญจรมาสู่ตลาดมหาชัย เชื่อมโยงหลายเส้นทางเข้าด้วยกัน ทั้ง เส้นทางรถยนต์ที่มาสุดตรงท่าเรือเทศบาล ซึ่งมีเรือเมล์ไปสู่ตำบลต่าง ๆ หลายแห่ง แล้วยังสามารถเช่าเรือหางยาวไปเที่ยวคลองโคกขามได้ มีทั้งเช่าเหมาลำและเรือประจำทาง และยังมีขขบวนรถไฟจากสถานีวงเวียนใหญ่มายังมหาชัยวันละหลายเที่ยว


วัดบางปลา

ตั้งอยู่ตำบลบ้านเกาะ ริมแม่น้ำท่าจีนเดินทางจากมหาชัยไปตามถนนสายเศรษฐกิจประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางเดียวกับวัดป่าชัยรังสีประมาณ 4 กิโลเมตร วัดบางปลาเป็นวัดที่สำคัญของคนมอญในจังหวัดสมุทรสาคร ตามธรรมเนียมมอญจะต้องมีวัด ๆ หนึ่งที่เป็นหลักของชุมชน เมื่อมีเทศกาลสำคัญ เช่น วันปวารณาออกพรรษา พระสงฆ์จากวัดอื่น ๆ ในเมืองจะต้องมาร่วมกันทำพิธี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมายังวัดบาง ปลา เมื่อครั้งหลวงปู่เฒ่าเก้ายอดเป็นเจ้าอาวาส นอกจากนี้กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ยังทรงสร้างซุ้มศาลายาว เชิงชายแกะสลักอย่างงดงามไว้ตรงทางเดินของวัดไว้อีกด้วย


วัดใหญ่จอมปราสาท

ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าจีน ห่างจากตัวจังหวัด 4 กิโลเมตร สามารถเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนธนบุรี-ปากท่อ) บริเวณกิโลเมตรที่ 31 เชิงสะพานท่าจีน เป็นวัดเก่าแก่มีอายุประมาณ 400 ปี สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานนามว่า “วัดใหญ่สาครบุรี” รวมทั้งได้พระราชทานพระไตรปิฎก และยกฐานะเป็นพระอารามหลวง ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ พระวิหารเก่าแก่ก่ออิฐถือปูนฐานแอ่นโค้งคล้ายท้องเรือสำเภา ที่ซุ้มประตูและหน้าต่างมีการประดับลวดลายปูนปั้น นอกจากนี้ยังมีงานแกะสลักไม้ที่บานประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถ เป็นลายพันธุ์พฤกษา ต้นไม้ ภูเขา รูปสัตว์ และบุคคล เป็นศิลปะแบบจีน ซึ่งเป็นลวดลายแกะสลักลึกเข้าไปในเนื้อไม้ที่งดงามมาก กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2479


พระโพธิสัตว์กวนอิม
ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง สมุทรสาคร  พระโพธิสัตว์กวนอิม รูปหล่อพระโพธิสัตว์กวนอิมปางเมตตา หล่อจากทองเหลืองปิดด้วยทางคำเปลวขนาดใหญ่   ตั้งอยู่ด้านหลังวัดสุทธิวาตวราราม สร้างในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงครองราชย์ครบรอบ 50 ปี ใน พ.ศ. 2539 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระเกียรติ องค์เจ้าแม่กวนอิมสูง 9.98 เมตร หล่อด้วยโลหะแล้วทาสีสวยงามมากพระหัตถ์ขวาเทน้ำจากคนโทเป็นน้ำมนต์ ประทับอยู่บนฐานดอกบัวมีมังกรโอบโดยรอบอยู่บนภูเขาจำลอง สูง 8 เมตร และมีถ้ำอยู่ภายในด้วย  และในทุก ๆ ปีของช่วงเดือนพฤศจิกายนมีงานประเพณี นมัสการเจ้าแม่กวนอิม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3449 7099

วัดโคกขาม
ตั้งอยู่ริมคลองโคกขาม หมู่ 1 ตำบลโคกขาม เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 35 เลี้ยวซ้ายเข้าทางวัดพันท้ายนรสิงห์ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่ สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ คือ พระอุโบสถหลังเก่ามีใบเสมารอบๆ ด้านหน้ามีพระเจดีย์ที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซม เป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา ลวดลายการแกะสลักไม้ที่หน้าบันนั้นงดงาม นอกจากนั้นยังมีศาลพันท้ายนรสิงห์ซึ่งเป็นศาลเพียงตาเดิม และเป็นที่เก็บโบราณวัตถุที่เล่ากันว่าเกี่ยวพันกับเรื่องของพันท้ายนรสิงห์ เช่น ชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัย และบุษบก เป็นต้น

สะพานปลา

เป็นสะพานปลาที่ใหญ่ และทันสมัยแห่งหนึ่งรองจากกรุงเทพฯ อยู่ในเขตเทศบาลเมืองสมุทรสาคร มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัยที่ใช้ในการลำเลียงขนถ่ายผลิตภัณฑ์สัตว์ น้ำทางทะเลทุกอย่างเป็นจำนวนมาก เป็นศูนย์กลางการค้าส่งปลาทะเล


ปล่องเหลี่ยม

ตั้งอยู่ที่ หมู่ 10 ตำบลท่าไม้ ริมแม่น้ำท่าจีน ใกล้สนามบาสในโรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม "ปล่องเหลี่ยม" เป็นปล่องเตาไฟโรงงานผลิตน้ำตาลทรายของชาวโปรตุเกส ชื่อกัปตันฮิท สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2367 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะของปล่องเป็นปล่องก่ออิฐถือปูนบนฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 4 เมตร สูง 4 เมตร ต่อจากฐานขึ้นไปเป็นปล่องทรงแปดเหลี่ยมแต่ละเหลี่ยมกว้างประมาณ 1 เมตร แล้วค่อยๆ เรียวขึ้นไปจนถึงปลายสูงประมาณ 30 เมตรเข้าใจว่าชาวโปรตุเกสที่มาอาศัยบนแผ่นดินไทยในสมัยนั้น  คงจะสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกอ้อยเพื่อส่งโรงงาน เพราะสมัยก่อนพื้นที่ปลูกอ้อยได้ดี ดังจะเห็นได้จากโรงงานหีบอ้อยหลายแห่ง ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “โรงหีบ”  ต่อมาสภาพภูมิประเทศเปลี่ยนแปลง  คลองบางแห่งทะลุถึงกัน  กระแสน้ำไหลถึง 3 แห่ง คือ ลัดท่าปลา ลัดหางปลาและลัดเกาะ ทำให้น้ำเค็มจากทะเลไหลเชี่ยวท่วมถึงไร่อ้อย  คนจีนจึงอพยพทิ้งไร่อ้อย  เมื่อไม่มีอ้อยส่งโรงงาน โรงหีบอ้อยและโรงงานผลิตน้ำตาลของชาวโปรตุเกสจึงหยุดกิจการและปล่อยทิ้งร้าง มาจนถึงทุกวันนี้

การเดินทาง 
จากถนนเพชรเกษมเลยแยกพุทธมณฑลสาย 4ไปจนถึงบริเวณแยกไฟแดงโรงแรมฟลอร่า อินน์ (ซึ่งอยู่ก่อนถึงลานแสดงช้าง 1 กิโลเมตร) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร ผ่านวัดท่าข้าม ข้ามสะพานเฉลิมพระเกียรติ  ถึงแยกวัดเทียนดัด-สวนผัก ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงวัดท่าไม้เข้าไป 500 เมตร แล้วเลี้ยวขวา 500 เมตร


วัดเจษฎาราม

พระอารามหลวงชั้นตรี  ชนิดสามัญ  เดิมเรียกว่า  วัดธรรมสังเวช  พระประธานในอุโบสถ  เป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย  เรียกกันโดยทั่วไปว่า  " หลวงพ่อโต "  ภายในโบสถ์มีรูปหล่อพระครูมหาชัยบริรักษ์  ( เชยญานวฑฺฒโน )  ซึ่งชาวมหาชัยและชาวตำบลใกล้เคียงเคารพบูชา ให้ความนับถือมาช้านาน


บ้านศิลาสุวรรณ

บ้านไม้สักทองโบราณอันทรงคุณค่า  ตั้งอยู่บริเวณถนนถวายตำบลท่าฉลอม  เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยได้แบบบ้านมาจากเรือนไม้สักแถวถนนตกในสมัยนั้น

 


ศาลพันท้ายนรสิงห์

ตั้งอยู่ตำบลโคกขาม เดินทางจากถนนเอกชัย เข้าทางหลวงหมายเลข 3423
(วัดสหกรณ์ – ศาลพันท้ายนรสิงห์) ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ศาลนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พันท้ายนรสิงห์ในคราวที่คัดท้ายเรือพระ ที่นั่งเอกชัยจนหัวเรือชนกิ่งไม้ใหญ่ริมคลองโคกขามทำให้โขนเรือหักตกลงในน้ำ พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมทูลพระเจ้าเสือให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล พระเจ้าเสือทรงจำฝืนพระทัยตามพระราชกำหนดที่วางไว้จึงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ทำศาลขึ้นสูงเพียงตา และนำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัยที่หักขึ้นพลีกรรมไว้บนศาล เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความซื่อสัตย์จงรักภักดี ต่อมากรมศิลปากรได้จัดสร้างศาลขึ้นใหม่แทนหลังเก่าที่พังลงมา ภายในศาลมีรูปปั้นของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือท้ายคัดเรือ เป็นที่นับถือของชาวบ้านเป็นอย่างมาก


ถนนถวาย

ประวัติความเป็นมาของถนนถวายมีอยู่ว่า  เมือ รศ. 124 ( พ.ศ. 2448 ) ชาวตำบลท่าฉลอม  ได้สละที่ดินภายในเนื้อที่บ้านของตนบางส่วนอุทิศให้ทำเป็นถนน  โดยทำถนนแบบปูอิฐแผ่นที่มีความยาวอย่างสวยงามความทราบถึงพระกรรณพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระองค์จึงได้เสด็จมาทรงเปิดถนนสายดังกล่าว  เพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2448 และได้พระราชทานชื่อว่า " ถนนถวาย " สืบมาจนทุกวันนี้


ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร

ตั้งอยู่ตำบลโคกขาม ห่างจากวัดโคกขามประมาณ 1 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน  กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.2540 ในเนื้อที่กว่า 18 ไร่  ภายในอาคารจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์และอวกาศ ในหัวข้อโลกและระบบสุริยะ การสำรวจดวงจันทร์ ชีวิตของดาวฤกษ์ มีเครื่องฉายดาวภายในโดม
ขนาดเล็ก ประกอบการบรรยาย Mini Theater และมีชุดนิทรรศการเรื่อง “มนุษย์กับการวัดและการนับ” เล่าถึงประวัติของการพัฒนาการวัดมาอย่างยาวนาน ภายนอกอาคารจัดเป็นสวนวิทยาศาสตร์ เช่น สวนธรณีวิทยา สวนสุขภาพ สวนสนุกของเครื่องเล่นเชิงฟิสิกส์ และยังมีฐานเกษตรธรรมชาติและสวนสมุนไพร ซึ่งการจัดกิจกรรมจะผสมกลมกลืนกับสภาพภูมิทัศน์เดิมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ  เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30–16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 3442 1014


ท่าฉลอมเมืองเก่า
สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมง   ลิ้มลองอาหารทะเลชมกิจการต่อเรือประมง  ณ  ตำบลท่าฉลอม  เมืองโบราณ  สุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย  เรื่องราวของฝั่งมหาชัยกับฝั่งท่าฉลอม  ที่มาของบทเพลงที่โด่งดังในอดีตและยังคงเป็นบทเพลงอมตะมาจนปัจจุบัน  คือ  เพลง  "ท่าฉลอม"

จุดชมปากอ่าว

บริเวณริมเขื่อนเทศบาล   นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับความงดงามของกลุ่มน้ำท่าจีนสายเลือดหลักของชาวลูกน้ำเค็มที่มาก
ด้วยวิถีชีวิต  ขนบธรรมเนียม   วัฒนธรรมรวมถึงโบราณสถานทัศนียภาพของนครสมุทรสาคร   และทิวทัศน์ของฝั่งท่าฉลอมที่แสนประทับใจ   เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอยู่เสมอ


ศาลเจ้าแม่บ๋วยเนี้ย หรือศาลเจ้าแม่ทับทิม 

ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร  ไม่ปรากฏว่าก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยใด แต่มีผู้สักการะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นจำนวนมาก และหนึ่งพิธีกรรมของศาลเจ้าแห่งนี้คือ พิธีลุยไฟ ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นทุกปี จะทำเฉพาะร่างทรงทำนายทายทักว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น และผู้ที่ให้ความเคารพสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวประมง และชาวไทยเชื้อสายจีน และในทุก ๆ ปีของช่วงเดือนกุมภาพันธ์มีงานประจำปี และลุยไฟ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 3449 8182


ชมสวนผลไม้ – ดอกไม้

ในเขตอำเภอกระทุ่มแบน และอำเภอบ้านแพ้วชาวบ้านทำสวนทั้งผลไม้ สวนผัก สวนกล้วยไม้
สวนมะพร้าว ในเขตอำเภอกระทุ่มแบนมีชื่อเสียงในการทำสวนมะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ และสวนกล้วยไม้ ตามเส้นทางถนนเศรษฐกิจ (3091) ส่วนในเขตอำเภอบ้านแพ้ว มีสวนองุ่น สวนฝรั่ง ตามทาง
หลวงหมายเลข 3097 นอกจากจะชมสวนแล้ว ยังมีโอกาสชมการทำน้ำตาลจากมะพร้าว การทำขนมไทย เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุนอีกด้วย


โรงเจเชงเฮียงตั๊ว

ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร  ศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาคือ ชาวจีนที่อพยพมาอยู่ที่ท่าฉลอมมีจำนวนมากเพราะเป็นเมืองที่อยู่ติดแม่น้ำ เป็นเมืองแรก ๆ ที่สามารถขึ้นฝั่งเพื่อเข้าสู่ประเทศสยาม เมื่อชาวจีนมาตั้งรกรากกันมากขึ้นก็เกิดการรวมตัวกันเพื่อสร้างศาลเจ้า เพื่อเป็นศูนย์รวมเป็นที่พบปะสังสรรค์ สำหรับศาลเจ้าโรงเจก็กลายเป็นที่ถือศีลของชาวจีน ส่วนการก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. ใดไม่ปรากฏหลักฐาน ทราบเพียงว่าแต่ก่อนก็เป็นแค่เพิงหลังคาจากเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เมื่อชาวบ้านเริ่มมีธุรกิจมั่นคงขึ้นเขาก็นำเงินมาบริจาคเพื่อปรับปรุง ศาลให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นศาลเจ้าโรงเจอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และในทุก ๆ ปีของช่วงเดือนตุลาคมมีงานประเพณีถือศีลกินเจ 10 วัน  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3449 8498, 08 7060 5671


ศาลเจ้าพ่อกวนอู

ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร มีการก่อสร้างมานานนับร้อยปีแล้ว ในอดีตศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวจีนในตำบลท่าฉลอมที่มีความเคารพ สักการะเจ้าพ่อกวนอูที่มีความซื่อสัตย์ได้บูชากัน โดยจัดสร้างเป็นศาลไม้หลังเล็ก ๆ มุงหลังคาด้วยจาก และภายหลังได้บูรณะใหม่ใช้กระเบื้องในการมุงหลังคา จากนั้นได้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่โดยสร้างแบบก่ออิฐถือปูนเพื่อความแข็งแรงทน ทาน โดยปกติผู้คนจะเข้ามากราบไหว้อยู่เป็นประจำ  และในทุก ๆ ปีของช่วงเดือนเมษายนมีงานฉลองวันเกิด เดือนกรกฏาคมมีงานประจำปีวันเกิดเจ้าพ่อกวนอู เดือนสิงหาคมมีงานวันเกิดเทพเจ้า 5 พระองค์ และเดือนธันวาคมมีงานเผ่งอั่งฮี่  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 1763 1492


ศาลเจ้าปุนเถ้ากง

ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง สมุทรสาคร  ศาลแห่งนี้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2382
เดิมทีเป็นศาลไม้ ฝ้าไม้กระดาน หลังคามุงจาก และได้มีการบูรณะศาลขึ้นใหม่โดยใช้เสาไม้ ขื่อแปเป็นไม้ระแนง ไม้สักทอง มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง ผนังก่ออิฐถือปูน โดยวัตถุประสงค์หลักในการก่อสร้างนั้นเพื่อเป็นที่สักการะแก่ชาวจีน และชาวไทยเชื้อสายจีนที่พำนักอาสัยอยู่ในตำบลท่าฉลอม และในทุก ๆ ปีของช่วงเดือนกุมภาพันธ์มีงานฉลองวันเกิด เดือนสิงหาคมมีงานประจำปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 6763 1154