|
|
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ |
|
ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 12 ไร่ ของบริษัท ธนบุรีประกอบยนต์ จำกัด ตำบลบางเมืองใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ และความคิดของ คุณเล็ก วิริยะพันธ์ ผู้สร้าง
เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป ช้างเอราวัณหรือ
ช้างสามเศียร เป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจาก
โลหะทองแดง แผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือนำมาเรียงต่อกันด้วยความประณีตนับแสนชิ้น ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง 43.60 เมตร (หรือสูงขนาดตึก14-17ชั้นโดยประมาณ) อาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนบนของตัวช้าง เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน ลำตัวช้างหนัก 150 ตัน สูง 29 เมตร กว้าง 12 เมตร
และยาว 39 เมตร ตัวช้างออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุมีค่า เช่น ภาพวาดสีฝุ่น
รูปจักรวาล พระพุทธรูปปางลีลา บริเวณท้องช้างปูด้วยไม้มะเกลือสีออกดำ ส่วนล่างของตัวช้าง
เป็นฐาน โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารศาลามีความสูง 14.60 เมตร กระจายน้ำหนักตัวช้างด้วยคานวงแหวนรอบนอกและรอบในบนอาคาร ถ่ายน้ำหนักลงเสาแปดเสาภายนอกและสี่เสาภายในอาคารศาลาการตกแต่งภายในเป็นการ ผสมผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้กระจกสีแบบศิลปะตะวันตก, เครื่องเบญจรงค์สลับลวดลายสอดสี, การดุนโลหะบนแผ่นดีบุกของช่างเมืองนครศรีธรรมราช และรูปปั้นโบราณชนิดต่าง ๆ อาทิ คนธรรพ์บรรเลงดนตรี รูปพญานาค ของช่างเมืองเพชร ส่วนชั้นใต้ดินที่เรียกว่า “ชั้นบาดาล” เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการและโบราณวัตถุจำนวนมาก อาทิ พระพุทธรูป เทวรูปสมัยต่าง ๆ และเครื่องลายครามของจีน ระเบียงรอบนอกตัวอาคารประกอบด้วยซุ้มแปดซุ้ม รอบพิพิธภัณฑ์เป็นอุทยานพรรณไม
้ในวรรณคดี และพันธุ์ไม้หายากจากทุกภูมิภาคของประเทศ มีงานประติมากรรมลอยตัวเรื่อง
รามเกียรติ์ วางเรียงรายล้อมรอบอาคาร พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเปิดให้เข้าชมทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก (6-12 ปี) 50 บาท สอบถามเพิ่ม
เติมได้ที่ โทร. 0 2371 3135-6
โทรสาร. 0 2380 0304 หรือ www.erawan-museum.com
การเดินทาง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ผ่านแยกบางพลี ก่อนถึง
แยกปากน้ำ ตั้งอยู่บริเวณซ้ายมือ รถโดยสารประจำทางธรรมดา สาย 25,142,365 และ
รถปรับอากาศสาย 102,507,511,536 |
|
|
|
ป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือ ป้อมพระจุล |
|
ตั้งอยู่บริเวณริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลแหลมฟ้าผ่า อยู่ห่างจากแยกพระสมุทรเจดีย์ ไปตามถนนสุขสวัสดิ์ เดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 303 ประมาณ 6 กิโลเมตร หรือสามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศสาย 20 ป้อมพระจุลฯ-ท่าดินแดง
ป้อมพระจุลฯ เป็นป้อมที่ทันสมัยและมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นที่ทำการยิงต่อสู้กับอริราชศัตรูมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เป็นป้อมที่จารึกอยู่ในความทรงจำของคนไทยและประวัติศาสตร์ชาติไทยมายาวนาน เพราะ
ในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นว่า ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้น บรรดาประเทศต่างๆ ที่อยู่ติดเขตแดนไทย ก็ถูกประเทศทั้งสองเข้าครอบครองไปหมดแล้ว นับเป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทย พระองค์จึงทรงหาวิธีป้องกันต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันทางน้ำ ทรงดำริให้ปรับปรุงป้อมต่างๆ ทางปากน้ำ โดยจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทหารเรือเป็นที่ปรึกษาวางแผนในการปรับปรุง กิจการทหารเรือในครั้งนั้นด้วย ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้าในปัจจุบันมีสิ่งที่น่าสนใจคือ |
|
|
|
ตลาดริมน้ำโบราณบางพลี |
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพลีใหญ่ เป็นตลาดเก่าแก่ริมคลองสำโรง พื้นตลาดเป็นพื้นไม้ สามารถเดิน
ติดต่อกันได้ เดิมชื่อตลาด “ศิริโสภณ” สันนิษฐานว่า ชาวจีนเข้ามาเปิดร้านในตลาดนี้ราว พ.ศ.2400 เป็นตลาดโบราณริมคลองสำโรงเพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากไฟไหม้และยังคงสภาพ เดิมเหมือน
แรกสร้าง
ตลาดริมน้ำโบราณบางพลีเป็นชุมชนใหญ่ชุมชนหนึ่งและมีความรุ่งเรืองมากในอดีต เป็นตลาดขนส่งสินค้าและผู้โดยสารจากภาคตะวันออกชายฝั่งทะเลสู่กรุงเทพมหานคร การเดินทางในสมัยก่อน ใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางโดยการแจว พายและแล่นใบ เดินทางมาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าจะอยู่ในคลองสำโรง ตลาดน้ำบางพลีถือเป็นตลาดน้ำประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและมีวัฒนธรรมที่ดีงามสั่งสมอยู่มากมายสมควร อนุรักษ์ฟื้นฟูให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาและหวงแหนวัฒนธรรมเก่าแก่ของ บรรพบุรุษสืบต่อไปดังคำกลอนของสุนทรภู่ |
|
|
|
เมืองโบราณ |
|
ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 33 ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัด 8 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รวบรวมสถานที่สำคัญ ๆ ในประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 800 ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2506 ปูชนียสถานที่สำคัญๆ เช่น เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง วัดมหาธาตุสุโขทัย พระพุทธบาทสระบุรี พระธาตุเมืองนคร พระธาตุไชยา ฯลฯ โดยสร้างให้ม
ีขนาดเล็กลง บางแห่งเท่าแบบจริงการสร้าง ฝีมือประณีต นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่นับวันจะสูญหายไปจาก สังคมยุคใหม่ ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของประเทศไทยจะศึกษาได้จากเมืองโบราณ แห่งนี้
|
|
|
|
วัดบางพลีใหญ่ใน |
|
วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ตำบลบางพลีใหญ่ ห่างจากบึงตะโก้ประมาณ 500 เมตร เดิมชื่อวัดพลับพลาไชยชนะสงคราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร หน้าตัก
กว้าง 3 ศอก 1 คืบ เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์เป็นพระประธานในโบสถ์ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนโดยทั่วไปนาม หลวงพ่อโต วัดนี้จึงมีอีกชื่อว่า วัดหลวงพ่อโต ชาวบางพลีได้อัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือในพิธีโยนบัวหรือรับบัวทุกปี ใน
วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11
ติดกับวัดยังมีตลาดริมน้ำโบราณที่มีอายุยาวนานกว่า 140 ปี ที่ยังคงสภาพเดิมให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมและเลือกซื้อซึ่งมีทั้งอาหารและ ของใช้ต่างๆ เปิดบริการตั้งแต่เวลา 08.00–17.00น |
|
|
|
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง |
|
อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่สีเขียวที่มีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมูหรือแอกวัว หรือเรียกว่า คุ้งกระเพาะหมู ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ปลอดสารพิษท่ามกลางความเจริญเติบโตของเมือง มีเนื้อที่
รวม 11,819 ไร่ โอบล้อมด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และที่สำคัญคุ้งกระเพาะหมูแห่งนี้ได้ “อนุรักษ์ให้เป็นพื้นที่สีเขียวตั้งแต่ปี 2520 พื้นป่าแห่งนี้จึงเป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชนในเขตจังหวัด สมุทรปราการและกรุงเทพมหานคร ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่มาก มาย” และส่งผลให้พื้นที่บริเวณคุ้งกระเพาะหมูนี้มีพันธุ์พืชนานาชนิดขึ้นอย่างหนา แน่น มีพันธุ์นก รวมทั้งแมลงนานาชนิดมาอาศัยอยู่จำนวนมาก |
|
|
|
วัดอโศการาม |
|
ตั้งอยู่เทศบาลบางปูซอย 60 ถนนสุขุมวิทสายเก่า ตำบลท้ายบ้าน ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร (เข้ามาจากถนนสุขุมวิทประมาณ 1 กิโลเมตร) สร้างเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2505 ฝ่ายธรรมยุตินิกาย โดยพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง และเป็นสถานที่สำหรับวิปัสสนากรรมฐาน มีสิ่งที่น่าชม เช่น พระธุตังคเจดีย์ เป็นพระเจดีย์หมู่
รวม 13 องค์ แต่ละองค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่ระลึกถึงธุดงควัตร 13 ประการ และวิหารวิสุทธิธรรมรังสี อาคารจตุรมุข 3 ชั้นส่วนยอดเป็นมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาต
ุเช่นกัน ภายในวิหารประดิษฐานสรีระท่านอาจารย์ลี ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ 0 2395 0003
การเดินทาง
จากสามแยกสมุทรปราการให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทสายเก่า (ไปทางบางปู) ประมาณ
กิโลเมตรที่ 31 ให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาลบางปู 60 ประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบวัดอโศการามอยู่ทางซ้ายมือ สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ขสมก.
สาย 25, 102, 142, 145, 507, 508, 511 และ 536 รถโดยสารประจำทางธรรมดาสาย 25, 102 และ 145 ไปยังตลาดปากน้ำ แล้วต่อรถสองแถว ปากน้ำ-วัดตำหรุ, ปากน้ำ-นิคมฯบางปู และปากน้ำ-คลองด่าน ก็สามารถไปถึงได้ |
|
|
|
พระสมุทรเจดีย์ิ |
|
ตั้งอยู่ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลปากคลองบางปลากด ในวัดพระสมุทรเจดีย์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงกันข้ามกับศาลากลางจังหวัด เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 303 (ถนนสุขสวัสดิ์) แต่เดิมพระเจดีย์นี้ตั้งอยู่บนเกาะกลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ท้ายป้อมผีเสื้อสมุทร ต่อมาชายตลิ่งฝั่งขวาของแม่น้ำตื้นเขินงอกออกมาเชื่อมติดกับเกาะอันเป็นที่ ตั้งพระเจดีย์ ปัจจุบันจึงไม่มีสภาพเป็นเกาะอีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์นี้ขึ้นแต่ยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อเป็นพระเจดีย์สูง 20 เมตร ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนรูปทรงพระเจดีย์แล้วก่อให้สูงขึ้นอีกเป็น 38 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
พระชัยวัฒน์ และพระปางห้ามสมุทรไว้ ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ โทร 0 2425 8898
การเดินทาง
จากสามแยกพระประแดง ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ (ทางหลางหมายเลข 303) มุ่งไปทางอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ระยะทาง 6 กิโลเมตร ถึงสามแยกพระสมุทรเจดีย์ให้เลี้ยว
ซ้ายไปอีก 1 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดพระสมุทรเจดีย์ สามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศและ
แบบธรรดา สาย 20 (ป้อมพระจุลฯ-ท่าน้ำท่าดินแดง) ลงที่สามแยกพระสมุทรเจดีย์แล้วต่อรถรับจ้างไปที่วัดได้ |
|
|
|
ศาลพระเสื้อเมือง และศาลหลักเมือง |
|
อยู่ที่ตำบลตลาด สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองพระประแดง ชาวบ้านนับถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เคารพบูชากันมากอยู่ที่ตำบลตลาด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2356 เป็นหลักเมืองเก่าของอำเภอพระประแดง ในสมัยเมื่ออำเภอนี้มีฐานะเป็นเมือง ชาวบ้านถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญแห่งหนึ่งซึ่งชาวเมืองเคารพ นับถือมาก หลักเมืองนี้มีลักษณะพิเศษ คือ มีรูปของพระพิฆเนศวร์สถิตอยู่เหนือเสา
|
|
|
|
สถานตากอากาศบางปู |
|
อยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ ริมถนนสุขุมวิท ประมาณกิโลเมตรที่ 37 ตรงข้ามกับนิคมอุตสาหกรรมบางปู ห่างจากตัวเมืองประมาณ 11 กิโลเมตร เป็นสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานานและเป็นสถานพักฟื้น พักผ่อน ของกรมพลาธิการทหารบก ภายในมีร้านอาหารบริการ ในวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 17.00 – 21.00 น. จะมีกิจกรรมพิเศษเปิดฟลอร์ลีลาศกับเสียงเพลงสุนทราภรณ์อันไพเราะ โดยคิดค่าดนตรีภายในฟลอร์ลีลาศเพียงคนละ 50 บาท นอกจากนี้ในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน บริเวณบางปูจะมีนกนางนวลอพยพมาหากินอยู่ตามชายทะเล เหมาะที่จะมาเที่ยวชมในยามเย็นพร้อมกับชมพระอาทิตย์อัสดง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.
0 2323 9138, 0 2323 9983
การเดินทาง
จากสามแยกสมุทรปราการให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ประมาณกิโลเมตรที่ 37 ให้กลับรถจะพบสถานตากอากาศบางปูอยู่ริมถนนซ้ายมือ และรถโดยสารปรับอากาศ
สาย ปอ. 25, 102, 142, 142, 507, 508 และ 511 รถโดยสารประจำทางธรรดาสาย 25, 102 และ 145 ไปลงตลาดปากน้ำ แล้วต่อรถเมล์เล็กสาย 36, รถสองแถวปากน้ำ-วัดตำหรุ, ปากน้ำ-นิคมบางปู และปากน้ำ-คลองด่าน |
|
|
|
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ |
|
ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ จากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ 10 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์ทหารเรือตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ถัดจากพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณไปประมาณ 2
กิโลเมตร เป็นสถานที่รวบรวมและอนุรักษ์วัตถุสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ และรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทัพเรือไทยและยุทธนาวีครั้ง สำคัญ
แบ่งเป็น 2 อาคาร คือ อาคาร 1 จัดแสดงประวัติบุคคลสำคัญที่เกี่ยวกับกองทัพเรือ อาทิ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์พระบิดาของทหารเรือไทย และห้องจัดแสดงเครื่องแบบต่างๆ ของทหารเรือไทย อาคาร 2 ชั้นล่างจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ
์ต่าง ๆ ชั้น 2 จัดแสดงเกี่ยวกับเรือพระราชพิธี ชั้น 3 เป็นการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ หมุนเวียนตามช่วงเวลาและเหตุการณ์สำคัญ เช่น ยุทธนาวีที่เกาะช้าง สงครามเอเชียมหาบูรพา วีรกรรมที่ดอนน้อย เรือดำน้ำแห่งราชนาวี และการปฏิบัติการของทหารนาวิกโยธิน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงวัตถุอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ในบริเวณโดยรอบ อาทิ เรือดำน้ำ รถสะเทินน้ำสะเทินบก รวมทั้งยังสามารถชมประภาคารแห่งแรกของประเทศไทยได้ ณ ที่แห่งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2394 1997 หรือ 0 2475 3808
การเดินทางโดยรถสาธารณะ
รถโดยสารประจำทางธรรมดาสาย 25, 102 และรถปรับอากาศสาย 25, 102, 142, 507, 508, 511 |
|
|
|
วัดพิชัยสงคราม |
|
ตั้งอยู่เลขที่ 29 ถนนประโคนชัย ตำบลปากน้ำ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระเจดีย์องค์ใหญ่ทรงระฆังที่ประดับด้วยเครื่องถ้วยชามกระเบื้อง และป้อมปราการใน
เขตวัด 4 ป้อม คือ ป้อมประโคนชัย ป้อมกายสิทธิ์ ป้อมนารายณ์ปราบศึก และป้อมปราการสร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 ปัจจุบันได้ถูกรื้อถอนหมดคงเหลือเพียงชื่อป้อมที่นำมาตั้งเป็นชื่อถนนสาย สำคัญในจังหวัด ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ โทร 0 2389 2895, 0 2395 1637
การเดินทาง
จากสามแยกสมุทรปราการไปตามถนนประโคนชัย (เข้าตลาดปากน้ำ) ประมาณ 100 เมตร จะพบวัดอยู่ริมถนนทางด้านซ้ายมือ สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ขสมก.
สาย 25, 102, 142, 145, 507, 508 และ 536 และรถโดยสารประจำทางสาย 25, 102 และ 145 จะผ่านวัดพิชัยสงคราม |
|
|
|
วัดป่าเกด |
|
ตั้งอยู่เลขที่ 24 หมู่ที่ 3 ถนนเพชรหึงษ์ ตำบลทรงคะนอง มีพระอุโบสถเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) ในสมัยรัชการที่ 3 หน้าบันพระอุโบสถทำด้วยไม้แกะสลักรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค ล้อมรอบด้วยลายเครือเถาอันอ่อนช้อยงดงาม ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร 0 2461 0733, 0 2461 0094
การเดินทาง
จากวัดทรงธรรมวรวิหาร ไปตามถนนเพชรหิงษ์ประมาณ 3 กิโลเมตร จะพบวัดป่าเกดอยู่ริมถนน
ด้านขวามือ การเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศและธรรมดา ขสมก. สาย 82, 138 และรถร่วมบริการ สาย 6 ไปลงตลาดพระประแดงแล้วต่อรถประจำทางสายพระประแดง-บางกอบัว |
|
|
|
วัดมงคลโคธาวาส |
|
ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดคลองด่าน อำเภอบางบ่อ เป็นวัดที่หลวงพ่อปาน เกจิอาจารย์ชื่อดังใน
สมัยรัชกาลที่ 5 เคยจำพรรษาอยู่และพัฒนาวัด จนกลายเป็นวัดสำคัญของอำเภอบางบ่อในปัจจุบัน นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าของวัดซึ่งหันหน้าเข้าสู่คลองด่าน ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ติดต่อสอบถามที่ โทร 0 2330 1247, 0 2330 1576
การเดินทาง
จากสามแยกสมุทรปราการให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทสายเก่า (ไปทางสถานตากอากาศบางปู) ประมาณ 30 กิโลเมตร เมื่อข้ามสะพานคลองด่านให้เลี้ยวซ้ายบริเวณเชิงสะพานและไปตาม
ถนนทางเข้าวัด มงคลโคธาวาสผ่านตลาดคลองด่านตรงไปประมาณ 500 เมตร จะถึงวัด การเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ขสมก. สาย 25, 102, 142, 145, 507, 508, 511
และ 536 รถโดยสารประจำทางธรรมดา สาย 25, 102 และ 145 ลงตลาดปากน้ำ และต่อรถประจำทางปากน้ำ-คลองด่าน ถึงตลาดคลองด่านสามารถต่อรถรับจ้างเดินทางถึงวัด |
|
|
|
วัดกิ่งแก้ว |
|
วัดกิ่งแก้ว ตั้งอยู่ที่ 23 ถ.กิ่งแก้ว หมู่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเถอบางพลี สร้างเมื่อปี พ.ศ2428 เดิมเรียกว่า "วัดกิ่งไผ่" ต่อมาหม่อมแก้วได้มาทำนุบำรุงและบูรณะพัฒนาวัดให้เจริญมั่นคง จึงได้ขนานนาม
วัดใหม่ว่า "วัดกิ่งแก้ว" มาจนถึงปัจจุบันวัดกิ่งแก้วได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อประมาณ พ
.ศ.2429 มีโบสถ์และภายในมีพระประธานหน้าตักกว้าง 5 ศอกเศษ ปางมารวิชัย และมีหลวงปู่เผือกเป็นพระเครื่องที่เคารพบูชาและหายาก ฝาผนังโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งวาดได้สวยงาม และมีเจดีย์ 1 องค์ และยักษ์ 2 ตน ถือกระบองเฝ้าหน้าประตูโบสถ์ บริเวณวัดร่มรื่นสะอาด สวยงาม |
|
|
|
วัดทรงธรรมวรวิหาร |
|
ตั้งอยู่ถนนทรงธรรม เลยจากวัดโปรดเกศเชษฐาราม ประมาณ 200 เมตร เป็นวัดเก่าแก่ในพุทธศาสนารามัญนิกาย สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ ในสมัยรัชกาลที่ 2 มีกุฏิและพระอุโบสถเป็นเครื่องไม้ฝากระดาน ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ทรงเห็นว่าวัดชำรุดทรุดโทรมมากจึงโปรดฯ ให้พระยาดำรงค์ราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) รื้อกุฏิมาสร้างเป็นหมู่เดียวกัน ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นโท มีพระรามัญเจดีย์องค์ใหญ่
ศิลปะรามัญ พระวิหารก่ออิฐถือปูน มีช่อฟ้าใบระกาทำด้วยไม้สัก ภายในประดิษฐาน
พระพุทธบาทจำลอง |
|
|
|
ฟาร์มหนองงูเห่า และฟาร์มเสือ |
|
อยู่ที่ตำบลบางโฉลง ถนนบางนา-ตราด ประมาณกิโลเมตรที่ 14-15 แยกเข้าทางซ้าย 300 เมตร (เข้าซอยวิทยาลัยเกริก) เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2529 มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงงูเห่าชนิดต่าง ๆ และมีการแสดงวิธีรีดพิษงู การจับงู พร้อมทั้งมีผลิตภัณฑ์ทำด้วยหนังงูจำหน่ายในราคาย่อมเยา เช่น รองเท้า กระเป๋า เข็มขัด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการแสดงเสือให้ชมอีกด้วย เปิดให้เข้าชม 09.00-17.00 น. ปกติจะอนุญาตให้เข้าชมเฉพาะบริษัทนำเที่ยวที่มีการติดต่อกันไว้แล้วเท่านั้น หากบุคคลทั่วไปสนใจจะเข้าชมต้องทำหนังสือหรือติดต่อขออนุญาตล่วงหน้าไปที่ ฟาร์มหนองงูเห่า
เลขที่ 23/2 หมู่ 6 กิโลเมตรที่ 15 ถนนบางนา-ตราด ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540 หรือโทร. 0 2312 5990 โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 50 บาท
|
|
|
|
วัดบางพลีใหญ่กลาง |
|
ตั้งอยู่บริเวณคลองสำโรงฝั่งเหนือ ตำบลบางพลีใหญ่ ห่างจากวัดบางพลีใหญ่เล็กน้อย สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2367 ชาวบ้านเรียก ว่า วัดกลาง ต่อมาเปลี่ยนเป็น วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม และครั้งสุดท้ายเปลี่ยนเป็นวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นที่ประดิษฐานสมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดใน
ประเทศไทย ยาว 53 เมตร ภายในพระนอนมีห้องปฏิบัติธรรม ภาพเขียนเรื่องราวของเทวดา นรก และมีห้องหัวใจพระซึ่งประชาชนนิยมมาปิดทองเพื่อเป็นศิริมงคล
การเดินทาง
จากแยกบางนา ใช้เส้นทางถนนบางนา-ตราดมุ่งหน้าไปทางจังหวัดชลบุรีถึงกิโลเมตรที่ 12 ให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางถนนบางพลี-กิ่งแก้ว ประมาณ 3 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายถนนทางเข้าที่ว่าการอำเภอบางพลีไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงวัดบางพลีใหญ่กลาง
|
|
|
|
ป้อมแผลงไฟฟ้า |
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลตลาด ติดกับโรงเรียนเทศบาลพระประแดง ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่บางส่วน เป็นป้อมปราการแห่งหนึ่งของฐานทัพเมืองนครเขื่อนขันธ์ เป็นเสมือนหนึ่งฐานทัพด้านปากแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นเมืองที่มีป้อมปราการหลายแห่ง เนื่องด้วย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) มีพระราชดำริที่จะใช้ป้องกันพระราชอาณาจักร ปัจจุบันเทศบาลเมืองพระประแดงได้ทำการบูรณะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน โดยบริเวณข้างบนของป้อมได้จัดปืนใหญ่โบราณหลายกระบอกตั้งไว้ให้ชมรอบๆ บริเวณจัดปลูกต้นไม้ร่มรื่น
การเดินทาง
จากสามแยกพระประแดง (ถนนสุขสวัสดิ์) ให้เลี้ยวซ้ายไปตลาดพระประแดง สามารถจอดรถได้ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอพระปะแดง หรือเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศและธรรมดา ขสมก. สาย 82 และ 138 รถร่วมบริการสาย 6 ลงตลาดพระประแดง และสามารถเท่ยวชมได้ทั้งศาลเจ้าพ่อหลักเมือง, ศาลพระเสื้อเมือง และป้อมแผลงไฟฟ้า ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันบริเวณตลาดพระประแดง |
|
|
|
ฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ |
|
ตั้งอยู่ถนนท้ายบ้าน ตำบลท้ายบ้าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร หรือสามารถเข้าทางถนนสุขุมวิท (สายเก่า) เทศบาลบางปูซอย 46 ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2493 ปัจจุบันเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่าง ๆ
กว่า 60,000 ตัว มีการแสดงโชว์จระเข้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–16.00 น. ทุก ๆ 1 ชั่วโมง (พักเที่ยง) วันหยุดเพิ่มรอบ 12.00 น.และ 17.00 น. นอกจากนี้ยังมีการแสดงของช้างแสนรู้ ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยมีการแสดง
ทุก 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 -16.30 น. ทุกวัน นอกจากการเลี้ยงจระเข้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์อื่น ๆ อีก เช่น เสือ ลิงชิมแปนซี ชะนี เต่า งู นก อูฐ ฮิปโปโปเตมัส กวาง และปลาจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ได้จัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการแห่งนี้เปิดให้เข้าชม ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 60 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ คนละ 300 บาท
เด็ก 200 บาท การเข้าชมเป็นหมู่คณะหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการวิทยากร ควรมีหนังสือติดต่อล่วงหน้าไปที่ ฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ เลขที่ 555 ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280 หรือ โทร. 0 2703 4891, 0 2703 5144-8
|
|
|
|
วัดกลางวรวิหาร |
|
ตั้งอยู่ถนนศรีสมุทร ตำบลปากน้ำ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อ วัดตะโกทอง พระอุโบสถได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 หน้าบันมีลายปูนปั้นประดับเครื่องลายคราม ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องปฐมสมโพธิกถา ต่อมาเมื่อพ.ศ.๒๔๔๙ มีการสร้างพระมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาท ๔ รอย หน้าบันมีลายปูนปั้นเครื่องแถวประดับด้วยถ้วยจานเบญจรงค์ ยอดสุดแต่ละมุมมีปูนปั้นหน้าของท้าวจตุโลกบาล ตามเค้าโครงเรื่องไตรพระภูมิพระร่วง เบื้องบนของผนังภายในซุ้มพระพุทธรูปขนาดย่อมโดยรอบ ศาลาการเปรียญลักษณะเป็นเรือนไทยแบบเรือนหมู่ไม้สักทั้งหลัง หน้าบันมีลวดลายไม้สลักละเอียดอ่อนสวยงามควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร 0 2387 1871, 0 2395 4529
การเดินทาง
จากสามแยกสมุทรปราการ ให้ตรงไปตามถนนประโคนชัย (เข้าตลาดปากน้ำ) จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนศรีสมุทร จะพบวัดอยุ่ในสุดของถนน สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย 25, 102, 142, 145, 507, 508 และ 511 หรือรถโดยสารประจำทางธรรมดา สาย 25, 102 และ 145 |
|
|
|
วัดโปรดเกศเชษฐาราม |
|
อยู่ที่ถนนทรงธรรม ตำบลทรงคะนอง อยู่ถัดจากวัดไพชยนต์ฯ เล็กน้อย เป็นพระอาราม
หลวงชั้นตรี เป็นวัดพุทธไทยเพียงวัดเดียวในย่านพระประแดง ส่วนวัดอื่นๆ มักเป็นพุทธรามัญ พระยาเพชรพิไชย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีลักษณะสถาปัตยกรรมดีเด่น คือ พระอุโบสถไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันมีศิลปะปูนปั้นลายเครือเถาประดับเครื่องลายคราม ภายในมีพระประธานหล่อด้วยโลหะ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับพระอุโบสถ ภายในมีพระพุทธไสยาสน์พระพักตร์งามมาก นอกจากนี้ยังมีพระมณฑปหลังคามุงด้วยกระเบื้องรายรอบด้วยเก๋งจีน ประดิษฐาน
พระพุทธรูปปางต่างๆ มีพระปรางค์ที่มุมทั้ง 4 ด้าน ภายในพระมณฑปมีพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาทจำลองประดับมุข ติดต่อสอบ
ถามรายละเอียดที่ โทร 0 2462 5484, 0 2463 2549
การเดินทาง
จากวัดไพชยนต์ฯ เลี้ยวขวาไปตามถนนทรงธรรมประมาณ 200 เมตร ข้ามสะพานคลองลัดหลวงประมาณ 50 เมตร จะพบวัดโปรดเกศเชษฐารามอยู่ริมถนนบริเวณทางโค้งด้านซ้ายมือ
|
|
|
|
วัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร |
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพึ่ง จากแยกพระประแดง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราชวีริยาภรณ์
ประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงวัด วัดไพชยนต์ฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ ทรงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีพระอุโบสถและพระวิหารที่งดงาม ในพระอุโบสถมีพระประธานปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย อยู่บนบุษบกยอดปรางค์จตุรมุข ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ 0 2462 6033
การเดินทาง
จากสามแยกพระประแดง ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนนครเขื่อนขันธ์ (ทางหลวงหมายเลข 3104) ให้เลี้ยวซ้าย (สามแยกบางพึ่ง) ไปตามถนนพระราชวีริยาภรณ์บรรจบกับถนนทรงธรรม จะพบวัดไพชยนต์ฯ อยู่ตรงหน้าบริเวณสามแยก เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศและธรรมดา ขสมก. สาย 82 และ 138
รถร่วมบริการ สาย 6 ลงตรงสามแยกบางพึ่งแล้วต่อรถรับจ้างก็สามารถไปถึงวัดได้ |
|
|
|
ศาลเจ้ามูลนิธิธรรมกตัญญู (เสียนหลอไต้เทียนกง) |
|
ตั้งอยู่เลขที่ 5 หมู่ 7 ถนนสุขุมวิท ต.บางปูใหม่ อ.เมือง เป็นศาลเจ้าที่สวยงาม สถาปัตยกรรมเพียบพร้อมไปด้วย ศิลปะ วัฒนธรรมของชาวจีนโบราณ ฝีมือแกะ
สลักหินอันปราณ๊ต เป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าขุนศึกที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวไต้หวัน 5 องค์ คือ เทพเจ้าตระกูลหลี่ เทพเจ้าตระกูลฉือ เทพเจ้าตระกูลอู่ เทพเจ้าตระกูลจู และเทพเจ้าตระกูลฟ่าน ซึ่งเรียกชื่อรวมกันว่า "อู๋ฟุ่เซียนส้วย" (โหวงหวังเอี้ย) ภายในบริเวณศาลเจ้าสามารถชมภาพแกะสลักหินเขียว เกี่ยวกับเทพนิยายจีน และตะเกียงไม้ชุบทองคำซึ่งตกแต่งอยุ่บนฝ้าเพดาน นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าองค์อื่นๆ เพื่อให้ประชาชนสักการะ
เทพเจ้าตระกูลทั้ง 5 หรือ โหวงหวังเอี้ย เป็นยอดขุนพลที่มีความสุจริตมาก เป็นขุนนางที่จงรักภักดีสมัยราชวงศ์หมิงได้เสด็จเดินทางลงใต้จากมณฑล ฮกเกี้ยนถึงเกาะหนานคุนเซินประเทศไต้หวัน เป็นที่เลื่อมใสในหมู่ประฃาชน
แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวจะต้องชมและเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก คือ สิงโตคู่ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แกะสลักจากหินหยกเขียว นำเข้าจากประเทศจีน สิงโตคู่ตามความเชื่อของชาวจีนถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสิริมงคล มีสง่าราศี มองดูน่าเกรงขามยิ่งใหญ่เกรียงไกร ซึ่งสิงโตคู่ที่อยู่หน้าศาลของมูลนิธิธรรมกตัญญูได้ผ่านการปลุกเสก สวดมนต์คาถาศักดิ์สิทธ์โดยนักพรตผู้ปฏิบัติธรรมในลัทธิเต๋า มีคติความเชื่อว่า “สิงโตคู่อันศักดิ์สิทธิ์สามารถกำจัดสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ สิ่งอาถรรพ์ทั้งปวงได้ และเป็นวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของจีนโบราณที่สืบทอดกันมานับพันปี” นอกจากนี้
ทางมูลนิธิฯ ยังจัดงานประจำปีหลายงาน เช่น วันตรุษจีน วันหยวนเชียว งานเทกระจาดประจำปี และวันเกิดเจ้าของแต่ละองค์ เป็นต้น
การเดินทาง
ใช้เส้นทางถนนสุขุมวิทสายเก่า (ไปทางบางปู) ประมาณกิโลเมตรที่ 33 อยู่ห่างจากเมือง
โบราณประมาณ 1 กม. และจากถนนสุขุมวิทเข้าไปอีกประมาณ 8 กม. เปิดให้เข้าชมและสักการะทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เวลา 08.00-17.00 น.สอบถามเพิ่มเติม
โทร. 0 2323 3120-4
|
|
|
|
สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์ |
|
ตั้งอยู่ตำบลบางกะเจ้า เนื้อที่กว่า 200 ไร่ สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งผลิต
อากาศบริสุทธิ์ เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนออกกำลังกาย และศึกษาระบบนิเวศน์ของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้ เคียง ลักษณะของสวนเป็นการผสมผสานของสวนสาธารณะที่มีการจัดสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม ประกอบด้วยพันธุ์ไม้น้ำ พันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่สามารถเจริญเติบโตได้ในน้ำกร่อยกับการรักษา
สภาพสวน เกษตรดั้งเดิมซึ่งเป็นสวนผลไม้เก่าไว้ โดยพื้นที่สีเขียวที่รัฐบาลกำหนดให้เป็น "ปอดของกรุงเทพฯ" มีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินชมพื้นที่อันสงบร่มรื่น รวมถึงหอ
ชมวิวสูง 7 เมตร ที่สามารถชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ มีจักรยานให้เช่าสำหรับขี่ชมรอบสวน
เปิดเวลา 06.00-20.00 น.
โทรศัพท์ 0 2461 0972
การเดินทาง จากอำเภอพระประแดง (ถนนสุขสวัสดิ์) ให้เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกพระประแดง พอถึงตลาดพระประแดงให้เลี้ยวซ้ายไปผ่านวัดทรงธรรมวรวิหาร ไปตามถนนเพชรหึงส์ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดราษฎร์รังสรรค์ประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบสวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์อยู่ริมด้านขวามือ การเดินทางโดยรถโดยวารปรับอากาศและธรรมดา ขสมก. สาย 82 และ 138 รถร่วมบริการสาย 6 ไปลงตรงตลาดพระประแดงแล้วต่อรถประจำทางสายพระประแดง-บางกอบัว ก็จะผ่านสวนฯ ศรีนครเขื่อนขันธ์
|
|
|
|
พิพิธภัณฑ์หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ |
|
ตั้งอยู่ที่อำเภอบางพลี ในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ก่อตั้งขึ้นด้วยปณิธานของมูลนิธิปอเต็กตึ๊งในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และ ปรัชญามหาวิทยาลัยในการบำรุงรักษาศิลปวัฒนธรรมและการวิจัยเพื่อชุมชน จัดแสดงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-จีน ด้านต่าง ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น ด้านการค้าทาง
เรือสำเภา การอพยพของชาวจีนเข้ามาประเทศไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 การจำลองร้านขายยาแผนโบราณ ภูมิปัญญาชาวจีนด้านการทอผ้า วรรณกรรมที่แปลจากภาษาจีน นิทรรศการ 90 ปีมูลนิธิปอเต็กตึ๊งและยังมีพิพิธภัณฑ์สมุทรปราการจัดแสดงของที่ได้รับจาก
ชุมชนเช่น สามล้อ เรือ อุปกรณ์ทำนา การเดินทาง รถประจำทางสาย 132, 133, ปอ. 537
พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. ปิดบริการวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่เสียค่าเข้าชม ติดต่อสอบถามรายละเอียด
โทร. 0 2312 6300 ต่อ 1339, 1346 |
|
|
|
ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอบางพลี |
|
ตั้งอยู่ในโรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ชั้นบน จัดแสดงภูมิปัญญา และวัฒนธรรมในอดีต ที่มีการแลกเปลี่ยนกันระหว่างคนหลายเชื้อชาติ เช่น คนไทย
คนมอญ คนลาว คนจีนและมุสลิม การค้าขายระหว่างชุมชน อุปกรณ์ที่ใช้ในการดำรงชีวิตชาวบ้าน วิถีชีวิตชาวบ้าน เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องดนตรี เงินตรา เช่น ตลาดน้ำ ประเพณีรับบัว ขบวนเรือ เครื่องมือเครื่องใช้ในการจับปลา ชั้นล่าง แสดงแบบจำลองวิถีชีวิตชาวบ้าน
เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00–16.00 น. ปิดวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่เสียค่าเข้าชม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2751 1504-7 (เข้าชมเป็นหมู่คณะทำจดหมายเรียน ประธานศูนย์วัฒนธรรมอำเภอบางพลี ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์)
การเดินทาง
รถโดยสารประจำทางจากสำโรง นั่งรถประจำทางสายบางพลี-เข้าวัด หรือ จากบางนา นั่งรถสองแถวสีฟ้าเข้าบางพลี |
|
|
|
บึงตะโก้ |
|
เป็นบึงที่นักท่องเที่ยวนิยมเล่นกีฬาทางน้ำ ได้แก่ เคเบิ้ลสกีและวินด์เซิร์ฟ อัตราค่าเช่า
ชั่วโมงละ 200 บาท 2 ชั่วโมง 300 บาท 3 ชั่วโมง 400 บาท ทั้งวัน 500 บาท เปิดบริการทุกวัน
วันธรรดาเปิด 12.00-18.00 น. วันหยุดเปิด 10.00-18.00 น.
การเดินทาง
จากทางด่วนสายบางนา-ตราด ให้ตรงไปประมาณกิโลเมตรที่ 13 ปากทางเข้าบึงตะโก้จะอยู่ทางด้านขวามือติดกับ บริษัท มิตซูบิชิ จำกัด เข้าไป 100 เมตร และเลี้ยวขวาเข้าซอยสุกไสว (ใกล้กับไปรษณีย์บางพลี) 200 เมตร ก็จะถึงบึงตะโก้
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2316 7809-10 |
|
|
|