WWW.TRAVEL2GUIDE.COM

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

ครอบคลุมพื้นที่อำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ อุทยานแห่งนี้เป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายากคือ ไม้กฤษณา เนื่องจากเป็นป่าที่อยู่ในเขตเทือกเขาสูงชัน จึงมีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น กระทิง เสือ หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกชนิดต่างๆ ตามลำห้วยมีปลาพลวง ปลาก้าง ปลาหนวด ปลาดุกรำพัน อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก 

 
ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต

เป็นถนนสวยงามที่สุดในภาคตะวันออก เนื่องจากว่าเป็นถนนเลียบชายหาด
หาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน หาดแหลมสิงห์ ทั้งสองฝั่งถนนติดทะเล ตัวถนนโค้งไปตามภูเขา ผ่านจุดชมวิวสวยๆ หลายแห่งเช่น หาดแหลมสน ปากแม่น้ำจันทบุรี จุดชมวิวเนินนางพญา ฯลฯ ถนนเส้นนี้เป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยว ของ Dream destinations ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้มาเที่ยว


อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
อยู่ในเขต อำเภอแหลมสิงห์ บนเทือกเขาสระบาป มีเนื้อที่ทั้งหมด 84,063 ไร่ (134.5 ตารางกิโลเมตร) พันธุ์ไม้ต่างๆ ที่พบเช่น ขนุนป่า กระท้อนป่า พิมเสนขึ้นอยู่ทั่วไป และยังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อีกมากมาย ที่เห็นได้บ่อยคือ หมูป่า เลียงผา พังพอน กระแต หมีควาย ชะนี ลิง ฯลฯ และยังเป็นที่อยู่ของปลานานาชนิด เช่น ปลาพลวง ปลาดุก ปลาฉาก
คำว่า “พลิ้ว” กล่าวกันว่าเป็นภาษาชอง ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิม แปลว่า ทราย หรือ หาดทราย แต่เข้าใจกันว่า น้ำตกพลิ้วคงจะได้ ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งชอบขึ้นในดินปนทราย เป็นไม้เถามีดอกเป็นผลเล็กขนาดลูกเกด สีเหลืองอมแดง ขึ้นทั่วไปในแถบนี้ น้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี น้ำใสมองเห็นพื้นล่าง ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายภายในอุทยานฯแห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ 

หาดเจ้าหลาว
อยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 17 กิโลเมตร ถัดมาจากหาดแหลมเสด็จ มีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นหาดทรายสีนวล ยาวเหยียดสุดสายตา ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว ผู้คนนิยมไปพักผ่อนกันที่นี่ในวันหยุด มีที่พักตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงระดับมาตรฐาน และร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีเรือท้องกระจกและเรือเร็วบริการนำนักท่องเที่ยวไปชมแนว ปะการังน้ำตื้นที่อยู่ห่างจากฝั่งไปเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายนัก เพราะโดยปกติแล้วปะการังจะเกิดในบริเวณที่เป็นเกาะเท่านั้นเนื่องจากมีการ ไหลเวียนของกระแสน้ำพอเหมาะ อุณหภูมิเหมาะสม และไร้มลพิษ การพบปะการังบริเวณใกล้แนวชายฝั่งจึงสะดวกต่อการเดินทางไปชมซึ่งใช้เวลา ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม ทั้งนี้สามารถหาเช่าเรือท้องกระจกได้ที่ หาดทรายทอง รีสอร์ท โทร. 0 3936 9080, 0 1945 6723  มีบริการให้เช่าเรือชมปะการัง จุได้ประมาณ 6-12 คน ราคา 700-1,200 บาท

น้ำตกเขาสอยดาว
ยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว น้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 4 กิโลเมตร มี 16 ชั้น บริเวณธารน้ำตกมีผีเสื้อจำนวนมากเหมาะสำหรับการดูผีเสื้อและศึกษาพรรณไม้ ซึ่งพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวนั้นมีสภาพป่าดงดิบที่สมบูรณ์ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน โดยมียอดเขาสูง 2 ยอด คือ ยอดสอยดาวเหนือและสอยดาวใต้ ความสูงของยอดสูงสุดคือ ยอดสอยดาวใต้ อยู่ที่ประมาณ 1,675 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์เป็นต้นกำเนิดของธารน้ำหลายสาย ไหลตกลงมาเป็นน้ำตกเขาสอยดาวขนาดใหญ่ ท่ามกลางป่าลึกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าไปชม ตลอดเส้นทางเดินชมน้ำตกมีทั้งความงามและความตื่นเต้นท้าทาย เช่น ชั้นน้ำตกที่ต้องปีนผาไปตามรากไทรสูงราว 20 เมตร กระทั่งถึงน้ำตกชั้นบนสุดซึ่งมีขนาดสูงใหญ่ งดงามยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นน้ำตกได้ถึงชั้นที่ 9 ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินขึ้นเกือบ 2 ชั่วโมง ส่วนชั้นที่ 10–16 ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ใช้เวลาเดินอีก 1 ชั่วโมง บริเวณน้ำตกมีบ้านพักรับรองบริการนักท่องเที่ยว

คุกขี้ไก่
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112)เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี ในกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ระหว่างนั้นกองทหารฝรั่งเศสประมาณ 600 คน แยกกันอยู่สองแห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี บริเวณที่เป็นค่ายทหารในปัจจุบัน อีกแห่งอยู่ที่ปากน้ำแหลมสิงห์ ฝรั่งเศสได้สร้างคุกขี้ไก่เพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 7 เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่าเป็นคุกที่ทรมานมาก เพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา
การเดินทาง คุกขี้ไก่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (จันทบุรี-ตราด) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3149 ก่อนถึงอำเภอแหลมสิงห์ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ตั้งอยู่ในอำเภอท่าใหม่ ศูนย์ฯ อยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 25 กิโลเมตรตามเส้นทางสายท่าใหม่-บ้านหมูดุด เป็นศูนย์ฯ ที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปี 2545 รางวัลประเภทรายการนำเที่ยว ประเภทองค์กรส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว มีหน้าที่ศึกษาค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดจันทบุรี
โครงการหนึ่งที่ศูนย์ทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลนและรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้ เกิดประโยชน์สูงสุด คือ สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน ใช้เวลาเดินเพียง 30-45 นาที บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1,600 เมตร ทอดผ่านป่าชายเลนที่มีพันธุ์ไม้หลายชนิด จะทำให้ได้รับความรู้ และความประทับใจในธรรมชาติ มีจุดสื่อความหมายธรรมชาติอยู่ตามบริเวณจุดต่าง ๆ

หาดคุ้งวิมาน

อยู่ในเขตอำเภอนายายอาม ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 50 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิท กิโลเมตรที่ 301 เลี้ยวซ้ายไปอีก 18 กิโลเมตร เป็นหาดทรายยาวเหมาะแก่การพักผ่อน ริมหาดมีที่พักบริการ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะเดินทางมาท่องเที่ยว


หาดแหลมสิงห์
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมือง 30 กิโลเมตร โดยเดินทางไปตามถนนสุขุมวิท เส้นทางไปจังหวัดตราด ถึงกิโลเมตร 347 มีทางแยกขวาไปหาดแหลมสิงห์อีก 16 กิโลเมตร เป็นชายหาดปากอ่าวที่แม่น้ำจันทบุรีไหลมาออกอ่าวไทย ร่มรื่นด้วยทิวสนยาวไปตามแนวของชายหาด มีที่นั่งพักผ่อนพร้อมทั้งร้านจำหน่ายอาหารตั้งเรียงรายอยู่ริมหาด มีบริการด้านที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว จากบริเวณหาดมองออกไปจะเห็นเกาะจุฬา และเขาแหลมสิงห์อยู่เบื้องหน้า และในบริเวณหาดแหลมสิงห์มีเรือให้เช่าไปดำน้ำเที่ยวเกาะจุฬา เกาะนมสาว ราคาประมาณ 1,500 บาท

วนอุทยานเขาแหลมสิงห์
ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 1 ตำบลบางกะไชย อำเภอแหลมสิงห์ พื้นที่ทั้งบกและทะเล รวมกัน 9,500 ไร่ สภาพป่าเป็นแบบดงดิบแล้งและป่าชายหาดซึ่งมีพันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ กฤษณา, กระบก, ตะแบก, หว้า, ตีนเป็ด, สัตว์ที่สำคัญ ได้แก่ ลิงแสม, กระจงเล็ก, กระรอกบินสีส้ม, ไก่ป่าและนกนานาชนิด ส่วนพืชและสัตว์ทะเลจะพบตามชายหาดและเกาะต่าง ๆ
เขาแหลมสิงห์เป็นภูเขาขนาดเล็ก สูงจากระดับน้ำทะเลราว 172 เมตร เหตุที่เรียกว่าเขาแหลมสิงห์ เนื่องจากด้านหน้าเขามีหินเป็นเกาะแก่งยื่นล้ำไปในทะเลรูปคล้ายสิงห์หมอบ มีหัว ลำตัว หาง เท้าและดวงตา บนเขาเป็นที่ตั้งของ ป้อมไพรีพินาศ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งแต่เดิมนั้นไม่มีการตั้งชื่อ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังมิได้เสวยราชย์เสด็จประพาสเมืองจันทบุรีจึงได้พระ ราชทานนามให้ และใกล้ๆ กับป้อมแห่งนี้มีพระเจดีย์องค์หนึ่ง ซึ่งชาวเมืองจันทบุรีได้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2447 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการที่ทหารฝรั่งเศสที่แหลมสิงห์ได้ถอนตัวออกจาก จันทบุรี

ศาลหลักเมืองจันทบุรี
ตั้งอยู่ถนนท่าหลวง ตรงข้ามกับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด เป็นแต่เพียงการสันนิษฐานว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่เสด็จเข้าเมืองจันทบุรีเมื่อ ปี พ.ศ. 2310 เพื่อใช้เมืองจันทบุรีเป็นที่รวบรวมไพร่พล ศาสตราวุธยุทธภัณฑ์ และเสบียงอาหาร เพื่อไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ตัวศาลเดิมน่าจะสร้างด้วยศิลาแลงซึ่งยังปรากฏร่องรอยให้เห็นอยู่แต่ก็ชำรุด โทรมไปมากจนไม่อาจทราบว่ามีรูปทรงอย่างไร ส่วนหลักเมืองและตัวศาลที่เห็นในปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2524 และได้มีการบูรณะซ่อมแซมตัวอาคาร และปรับภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความงดงามสมศักดิ์ศรีของเมือง

โอเอซีส ซี เวิลด์

ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 25 กิโลเมตร บนพื้นที่กว่า 68 ไร่ เป็นสถานที่เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ปลาโลมาในน่านน้ำจันทบุรีซึ่งมีอยู่ 2 พันธุ์คือ พันธุ์หัวบาตร และพันธุ์หัวขวด มีสวนผีเสื้อที่มีอยู่หลากหลายชนิด โดยมีวงจรชีวิตในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่าง ใกล้ชิด และยังมีที่พักบริการให้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

การแสดงของปลาโลมามีให้ชมทุกวันวันละประมาณ 5 รอบ วันธรรมดามีรอบ 9.00, 11.00. 13.00, 15.00 และ 17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มรอบเวลา 7.00 น. อัตราค่าเข้าชมเด็ก 50 บาท ผู้ใหญ่ 90 บาท ชาวต่างประเทศ 180 บาท นอกจากนี้ยังมีแพสำราญท่องนที ที่บริการนำนักท่องเที่ยวชมทัศนียภาพบริเวณปากแม่น้ำแหลมสิงห์ ซึ่งมีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนแพด้วย สอบถามรายละเอียดที่ โทร. 0 3939 9015, 0 3936 3238-9


ตึกแดง
ตั้งอยู่ที่ ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 พร้อมกับคุกขี้ไก่ เดิมเป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัจจามิตรซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีได้รื้อป้อมแห่งนี้ลง และสร้างตึกแดงขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักและกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส เป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงกระเบื้อง

เขื่อนคีรีธาร
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอมะขาม ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร จากจันทบุรีเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 317 ประมาณ 20 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาไปเขื่อนคีรีธารอีกประมาณ 14 กิโลเมตร สร้างโดยกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็นเขื่อนกั้นน้ำเอนกประสงค์ ทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า การชลประทาน การประมง และการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในฤดูฝน มีความจุสูงสุดที่ระดับความสูง 205 เมตร จากระดับน้ำทะเล เก็บกักน้ำได้ประมาณ 76 ล้านลูกบาศก์เมตร บริเวณอ่างเก็บน้ำมีธรรมชาติสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แต่บริเวณริมเขื่อนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ

ุโบราณสถานค่ายเนินวง

ตั้งอยู่ที่ ตำบลวังกระแจะ บนทางหลวงหมายเลข 3147 หากเริ่มจากหน้าโรงแรมอีสเทอร์น ไปตามถนนท่าแฉลบอีก 6 กิโลเมตร มีทางแยกเลี้ยวขวาไปประมาณ 400 เมตร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลังสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2377 โดยรื้อศิลาแลงและอิฐของกำแพงจากเมืองเก่าจันทบุรีไปสร้าง เพื่อป้องกันการรุกรานของพวกญวน บนกำแพงค่ายวางปืนใหญ่เรียงรายอยู่โดยรอบ ภายในบริเวณค่ายมีศาลหลักเมืองสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และวัดโยธานิมิตรซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดประจำเมืองตั้งอยู่ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหน่วยโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุและเครื่องปั้นดินเผาที่ยึดได้จากเรือออ สเตรเลี่ยนไทด์ที่ละเมิดน่านน้ำอ่าวไทย เพื่อลักลอบนำโบราณวัตถุออกไปยังต่างประเทศ หน่วยโบราณคดีแห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน โดยไม่เสียค่าเข้าชม


ัวัดมังกรบุปผาราม

ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท เส้นทางสายจันทบุรี-ขลุง ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 16 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2520 เป็นวัดในพุทธศาสนา นิกายมหายาน มีศาลาและพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกเป็นลวดลายต่างๆอย่างงดงาม ภายในวัดมีบรรยากาศที่เงียบสงบ และร่มรื่น เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในการปฏิบัติธรรม ซึ่งทางวัดยินดีจะอำนวยความสะดวกในด้านที่พักวัดแห่งนี้มีงานประจำปีที่สำคัญ 2 งาน คือ งานบุญกฐินจะจัดขึ้นหลังช่วงเทศกาลออกพรรษา และงานทำบุญประจำปีของวัด ซึ่งจะจัดขึ้นหลังวันตรุษจีน 21 วัน ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมทำบุญถือศีล และพำนักที่วัดตลอดช่วงการจัดงานนาน 7-10 วัน


แหลมเสด็จ

ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 25 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางท่าใหม่-บ้านหมูดุด เป็นชายหาดที่มีความสวยงาม และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการมาตั้งแค้มป์พักแรม หาดแห่งนี้มีบริการด้านอาหารและห้องน้ำเท่านั้น


ฟาร์มจระเข้-สวนสัตว์ชำโสม
ตั้งอยู่ที่บ้านชำโสม ตำบลแสลง อำเภอเมืองจันทบุรี เดินทางไปตามถนนสุขุมวิทถึงหลัก กม.ที่ 324 เลี้ยวตรงสี่แยกเขาไร่ยา ทางไปน้ำตกกระทิง (ทางหลวง 3249) เป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือ เป็นศูนย์รวมพันธุ์จระเข้น้ำจืด และจระเข้น้ำกร่อยหลายชนิดนับพันตัว และมีสัตว์อื่น ๆ อีกนานาชนิด บริเวณรอบฟาร์มเป็นสวนผลไม้ เช่น ทุเรียน เงาะ สละ มังคุด และกระท้อน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น. นอกจากนี้ยังมีการแสดงจับจระเข้ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ วันละ 2 รอบ เวลา 11.00 น. และ 14.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ คนละ 60 บาท รายละเอียดสอบถามได้ที่ โทร. 0 3931 2399, 0 3937 3256-7

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี
ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายเนินวง เป็นอาคารแฝด 2 ชั้น ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการค้าทางเรือของไทย ซึ่งมีการรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้จากการดำเนินงานด้านการศึกษา ค้นคว้าวิจัยทางโบราณคดีใต้น้ำมาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยมีห้องแสดงหลักอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งได้จัดสร้างเรือสำเภาขนาดเท่าของจริงที่ผู้ชมสามารถเดินเข้าไปชมภายในลำ เรือได้ เพื่อบอกถึงเรื่องราวการเดินเรือและการค้าขายระหว่างประเทศ ชั้นล่างจัดแสดงให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนการลงไปสู่ใต้ท้องทะเลที่มีแสงสลัวลง และสามารถมองเห็นการปฏิบัติงานของนักดำน้ำที่กำลังทำงานอยู่ใต้ท้องทะเลได้ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีห้องของดีเมืองจันท์ ที่จัดแสดงของดีต่างๆ ของจังหวัดจันทบุรี อาทิ การทำเหมืองพลอย การทำสวนผลไม้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเรื่องราวของชาวชอง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของจันทบุรีอีกด้วย นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ออกแบบได้ดีและน่าสนใจสำหรับผู้ที่เข้ามาศึกษา
ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น. อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท ติดต่อเข้าชมเป็นหมู่คณะติดต่อได้ที่ โทร. 0 3939 1431-3 โทรสาร 0 3939 1433 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.thailandmuseum.com 

การเดินทาง จากอำเภอเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 3146 บ้านท่าแฉลบ ผ่านโรงแรมอีสเทอร์นไป 6 กิโลเมตร     มีทางแยกไปอำเภอท่าใหม่ตรงไปประมาณ 400 เมตร 

วัดคาทอลิกจันทบุรีหรืออาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนสตรีพิทักษ์ ตำบลจันทนิมิตร เป็นวัดที่มีประวัติการก่อสร้างยาวนานถึง 275 ปี ครั้งแรกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2254 บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี โดยคุณพ่อเฮิ้ต โตแลนติโน และบรรดาคาทอลิกชาวญวน จนถึงปีพ.ศ. 2377 ได้มีการย้ายวัดมาสร้างบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรีอันเป็นสถานที่ตั้ง ในปัจจุบัน โดยมิได้มีการบันทึกถึงสาเหตุของการย้ายแต่ประการใด และในปี พ.ศ.2446 ได้ก่อสร้างวัดหลังปัจจุบันขึ้นให้มีขนาดใหญ่กว่าวัดหลังเก่าเพื่อรองรับกับ จำนวนคริสตศาสนิกชนที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นภาพนักบุญต่างๆ ซึ่งมีความงดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นได้มีการรบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนถึงปีพ.ศ.2528 ได้มีการจัดงานฉลองวัดคาทอลิกจันทบุรีครบรอบ 75 ปี ขึ้นในปีดังกล่าวด้วย นับได้ว่าวัดคาทอลิกแห่งนี้เป็นวัดขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่และกล่าวกันว่า มีความงดงามมากที่สุดในประเทศ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00–18.00 น. การเข้าชมเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้า โทร. 0 3931 1578

การเดินทาง สามารถเข้าทางเดียวกับวัดไผ่ล้อม เมื่อถึงวัดไผ่ล้อมแล้วเดินทางต่อไปอีกราว 1 กิโลเมตร หรือจากตัวเมืองเดินทางข้ามสะพานวัดจันท์ไปตามถนนจันทนิมิตรจะพบทางแยกขวาไป โบสถ์คาทอลิก

วัดไผ่ล้อม
ตั้งอยู่บนถนนตรีรัตน์ ห่างจากโรงแรมเค.พี.แกรนด์ ประมาณ 500 เมตร จากรูปแบบทางสถาปัตยกรรม สันนิษฐานว่าพระอุโบสถเป็นลักษณะอาคารในสมัยรัชกาลที่3 ลงมา มีกำแพงแก้วล้อมรอบทั้ง 4 ด้านแต่ละด้านมีช่องทางเข้า ฉนวนด้านหลังมีเสารองรับ 5 ต้น ไม่มีบัวหัวเสา ฐานอาคารเป็นเส้นตรงมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองขนาดเล็กอยู่ภายในกำแพงแก้ว ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพต้นไม้ประเภทบอนไซและดอกไม้แบบจีน เรื่องทศชาติ และพุทธประวัติ ลักษณะการเขียนน่าจะเป็นจิตรกรรมที่เขียนขึ้นหลังรัชกาลที่ 3 ลงมาเนื่องจากมีชาวต่างชาติปรากฏเป็นจำนวนมากในภาพวาด

ิสวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เป็นคำเรียกขาน หมายถึง บริเวณถนนศรีจันท์และตรอกกระจ่าง นับเป็นถนนเศรษฐกิจของจังหวัด เพราะเป็นที่ตั้งของร้านเจียระไนพลอยและร้านค้าอัญมณีต่างๆ ซึ่งอาจนับได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดค้าพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศ ในวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 -15.00 น. ยังสามารถเห็นบรรยากาศการซื้อขายพลอยของบรรดานายหน้าและพ่อค้าพลอย ที่เดินทางมาจากที่ต่างๆกันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินับเป็นเสน่ห์อย่าง หนึ่งของเมืองจันทบุรี ซึ่งไม่อาจพบได้ในจังหวัดอื่น

ิวัดเขาสุกิม
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 ด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป วัดมีบริเวณกว้างขวาง อยู่สูงขึ้นไปบนเนินเขา มีพื้นที่ประมาณ 3,280 ไร่ ภายในวัดมีศาสนสมบัติ ศาสนวัตถุ และวัตถุโบราณล้ำค่าต่าง ๆ มากมาย องค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ติดผนัง มีซุ้มรอบองค์พระเป็นลวดลายพญานาค 9 เศียร ที่ฐานชุกชีได้รับพระบรมราชานุญาตให้จารึกพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร." โดยคริสตัลของสวารอฟสกี้จะประดับอยู่ที่ฐานชุกชีและซุ้มรอบองค์พระ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียน โรงพยาบาลที่พระอาจารย์สมชายได้สร้างให้เป็นสมบัติของทางราชการด้วย มีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของพระอาจารย์ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธ ศาสนิกชนทั่วไปกว่า 20 ท่าน เช่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่วัน พระอาจารย์มั่น ฯลฯ เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30-17..00 น. ผู้สนใจที่จะพักที่วัด(ทั้งผู้ที่ไปปฏิบัติธรรมหรือผู้ที่ไปพักแรม) สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ โทร. 0 9931 5544 ารเดินทาง วัดเขาสุกิมอยู่ในเขตตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 20 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปได้หลายเส้นทาง คือ จากถนนสุขุมวิท กิโลเมตรที่ 305 บริเวณบ้านห้วยสะท้อน มีทางแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 3322 ไปวัดเขาสุกิมเป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร หรือหากเลยแยกนี้ไปจะมีทางเข้าวัดได้อีกทางหนึ่งที่บ้านเนินสูงเป็นระยะทาง 16 กิโลเมตร หรืออาจใช้เส้นทางไปน้ำตกกระทิงก็ได้ โดยแยกจากถนนสุขุมวิทที่บริเวณสี่แยกเขาไร่ยาเข้าไปประมาณ 7 กิโลเมตร ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร

น้ำตกหินดาด
ตั้งอยู่เทือกเขาสอยดาวใต้ หมู่ที่ 2 ตำบลทับไทร ห่างจากที่ว่าการอำเภอโป่งน้ำร้อน 10 กิโลเมตร และเดินเท้าต่ออีก 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 2 ชั่วโมง น้ำตกมีจำนวน 12 ชั้น ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่ยังคงความสมบูรณ์ ชั้นที่ 9-12 เป็นน้ำตกที่มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก การเดินทางไปท่องเที่ยวที่น้ำตกแห่งนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ติดต่อได้ที่ กำนักธงชัย แพรงาม โทร. 0 3944 7247

อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น (น้ำตกน้ำเป็น)
ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนซ่อง มีพื้นที่ 75,000 ไร่ (ยังไม่ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ) มีสถานที่น่าสนใจได้แก่ น้ำตกสะบ้า น้ำตกอีเกก และที่สำคัญ คือ น้ำตกเขาสิบห้าชั้น เป็นน้ำตก 15 ชั้น ที่มีความสวยงาม มีน้ำตลอกทั้งปี การเดินทางต้องไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ บางครั้งต้องลัดเลาะไปตามลำธาร หรือปีนหน้าผาน้ำตก สามารถกางเต็นท์ได้ที่ชั้นที่ 6 และชั้นที่ 13 เป็นชั้นที่สูงที่สุด มีความสูงประมาณ 35 เมตร สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าที่พบเห็น ได้แก่ ลิง ชะนี ช้าง กระทิง วัวแดง
นอกจากนั้นทางอุทยานฯ มีสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ โดยนักท่องเที่ยวต้องนำเต็นท์มาเอง จุดแรกคือ คลองมะเดื่อ จุดที่สองคือ บริเวณน้ำตกอีเกก และที่จุดนี้ยังเป็นเส้นทางออฟโรด (0FFROAD) นักท่องเที่ยวควรใช้รถยนต์โฟร์วิลไดร์ (4WD) ที่มีสมรรถนะสูง เครื่องยนต์กำลังแรงดี มีระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง

การเดินทาง สามารถนั่งรถประจำทางจากกรุงเทพฯ นั่งรถมาลงที่อำเภอนายายอาม แล้วมาต่อรถสองแถวที่ตลาดมาลงที่หน้าอุทยานฯ ค่ารถคนละ 40 บาท หรือจะเหมารถสองแถวที่ตลาดอำเภอนายายอาม ในราคา ประมาณ 200–300 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 9550 3639

ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ตั้งอยู่บนถนนท่าหลวง บริเวณหน้าค่ายตากสิน เป็นอาคารรูปทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลาหรือหมวกยอดแหลม ภายในประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนมาสักการะบูชาเป็นจำนวนมาก และในวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปีซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ จะจัดให้มีการทำบุญตักบาตรและถวายเครื่องราชสักการะ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา

ัพุทธอุทยานวัดชากใหญ่

ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 3149 แยกทางเข้า อำเภอแหลมสิงห์ จากถนนสุขุมวิทเข้าไปประมาณ 500 เมตร มีประติมากรรมที่แสดงเรื่องราวในพุทธประวัติ และตอนแสดงธรรมโปรดบุคคลต่างๆซึ่งล้วนมีลักษณะที่สวยงาม และยังมีแผ่นป้ายอธิบายเรื่องราวต่างๆของประติมากรรมนั้นๆด้วย


อ่าวกระทิง

อยู่เขตวนอุทยานแห่งชาติเขาแหลมสิงห์ เป็นชายหาดเล็ก ๆ ที่สวยงามและเงียบสงบ เดินทางโดยเรือจากชายหาดแหลมสิงห์ ใช้เวลา 20 นาที หรือใช้เส้นทางเดินรถจากอำเภอท่าใหม่ สายท่าใหม่-บางกะไชย มาถึงที่ทำการวนอุทยาน ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าลงไปที่หาดระยะทางประมาณ 400 เมตร ไม่มีที่พักบริการ แต่สามารถนำเต็นท์มากางพักแรมได้อ่าวยาง เป็นชายหาดเล็ก ๆ อยู่ใกล้กับอ่าวกระทิง เดินทางโดยเรือจากหาดแหลมสิงห์ ใช้เวลา 30 นาที หรือใช้เส้นทางเดินรถจากอำเภอท่าใหม่


ิศูนย์วิจัยพืชสวนี
ตั้งอยู่ที่ตำบลตะปอน อำเภอขลุง บนถนนสุขุมวิท ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 21 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 280 ไร่ มีหน้าที่รับผิดชอบในการค้นคว้าวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาพืชสวนเศรษฐกิจ ที่สำคัญในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก มีแปลงทดลองปลูกพืชสวนชนิดต่าง ๆ อาทิ ทุเรียน เงาะ มังคุด ระกำ กระท้อน รวมไปถึงพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ สมุนไพรและเครื่องเทศ นอกจากนั้นทางศูนย์ฯ ได้จัดเส้นทางเดินชมสวนพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ สวนสมุนไพร และพืชสวน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที และได้จัดพื้นที่กางเต็นท์ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยทางศูนย์มีเต็นท์ให้ เช่า ราคาเต็นท์ละ 100-200 บาท พักได้ 1-3 คน ทางศูนย์ยินดีที่จะเผยแพร่งานเหล่านี้ให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป โดยอนุญาตให้เข้าชมเป็นหมู่คณะ และควรติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ โทร. 0 3939 7030, 0 3939 7146 ในวันและเวลาราชการ
นอกจากนั้นระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่ผลไม้พันธุ์ต่าง ๆ ออกผล เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ระกำ สละ ลองกอง เป็นต้น ซึ่งจะมีสวนในอำเภอต่าง ๆ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและชิมผลไม้สด ๆ จากต้น

ิหมู่บ้านทอเสื่อบางสระเก้า

เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่นำกกมาประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ต่างๆ อีก เช่น กระเป๋า กล่องใส่กระดาษเช็ดมือ ที่รองจาน ที่ใส่จดหมาย และรองเท้าแตะ จากนั้นจึงนำมาขายให้กับศูนย์แปรรูปเสื่อซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านของ คุณสุริยา แก่นจันทร์ โดยศูนย์แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและซื้อสินค้าได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30-18.00 น. สนใจติดต่อได้ที่ โทร. 0 3945 0585, 0 3945 0587

การเดินทาง บ้านบางสระเก้าตั้งอยู่ที่ ต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ แต่สามารถใช้เส้นทางเดียวกับทางไปหมู่บ้านเสม็ดงาม เมื่อถึงสามแยกวัดเกาะโตนดตรงมาจนถึงสามแยกวัดตะเคียนทอง เลี้ยวขวาและตรงไปอีก 200 เมตร หรืออีกเส้นทางหนึ่งคือ จากตัวเมืองข้ามสะพานตรีรัตน์ไปยังถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาทางไปตราดประมาณ 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาไปบ้านบางสระเก้าเป็นระยะทางอีก 8 กิโลเมตร


อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก หรือ อู่ต่อเรือเสม็ดงาม
สันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ใช้เป็นอู่ต่อเรือ เมื่อครั้งเตรียมยกทัพไปตีพม่าเพื่อกู้เอกราชชาติไทยเมื่อ พ.ศ.2310 หน่วยโบราณคดีใต้น้ำ กองโบราณคดี กรมศิลปากร ได้ขุดค้นซากเรือและตรวจสอบชั้นดินทางโบราณคดีตามริมฝั่งอ่าว พบแอ่งน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าลักษณะคล้ายอู่เรืออยู่หลายแห่ง พร้อมทั้งส่วนประกอบต่างๆ ของเรือโบราณ และสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเรือสำเภาจีนแบบฟูเจียนขนาดเล็กใช้สำหรับบรรทุกสินค้า มีใบสามเถาใช้หางเรือเสือ ขนาดเรือยาว 24 เมตร กว้าง 5 เมตร บริเวณใกล้เคียงมีโรงเก็บเรือจำลองและเรือของชาวบ้านที่เคยใช้กันในอดีต

การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปหมู่บ้านเสม็ดงาม เลยไปจนถึงวัดเสม็ดงาม เลี้ยวขวาตรงป้ายบอกทางเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร

ท่องเที่ยวเชิงเกษตรอ่าวคุ้งกระเบน
ตั้งอยู่ที่อ่าวคุ้งกระเบน ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ เยี่ยมชมศูนย์การพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน การสาธิตการพัฒนาน้ำปลาจากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ชิมมะพร้าวน้ำหอม ชมสวนไม้ผลหลากชนิด สนใจติดต่อ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ โทร 0 3939 7030 , สำนักงานเกษตรอำเภอท่าใหม่ โทร 0 3943 1004

วัดตะกาดเง้า
ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าใหม่ เป็นศาสนสถานเก่าแก่มีอายุประมาณ 200 ปี มีโบราณสถานที่สำคัญ คือ หอไตรกลางน้ำ เป็นฝีมือช่างหลวงสมัยปลายรัชกาลที่ 3 สันนิษฐานว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ ของหอไตรหลังนี้ถูกนำมาจากที่อื่นแล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกันโดยการเข้าสลัก ไม้ ต่อมาหอไตรได้ทรุดโทรมลงประชาชนได้ทำการบูรณะซ่อมแซมจนแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2544 นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุอีกหลายชิ้น เช่น พระประธานแกะสลักจากไม้และธรรมมาสน์ไม้ เป็นต้น

วังสวนบ้านแก้ว
ตั้งอยู่ภายในสถาบันราชภัฏรำไพพรรณี ห่างจากตัวเมือง 6 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 316 เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ตั้งแต่ปีพ.ศ.2493-2511 รวม 18 ปี พระองค์ทรงใช้ที่นี่เป็นที่ดำเนินงาน ทั้งเป็นที่ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างแก่พสกนิกรในพื้นที่นำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อไป ที่สำคัญที่สุดพระองค์ทรงพัฒนาการทอเสื่อจันทบูรอันเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านของ ชาวจันทบุรีให้เจริญก้าวหน้ากว่าเดิม ทรงตั้งโรงทอเสื่อขึ้น ห่างจากพระตำหนักเพียง 200 เมตร ทรงออกแบบกระเป๋าถือและผลิตภัณฑ์ที่ทำด้วยเสื่อกก ปัจจุบันโรงทอเสื่อชำรุดทรุดโทรม คงเหลือเฉพาะอุปกรณ์บางชิ้น เช่น เตาย้อมกก อ่างแช่กก
สิ่งก่อสร้างในบริเวณวังสวนบ้านแก้ว ได้แก่ พระตำหนักใหญ่ (พระตำหนักเทา) เป็นบ้านชั้นครึ่ง ครึ่งตึกครึ่งไม้ พระองค์โปรดเกล้าฯให้ หม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร ทรงออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง พระตำหนักนี้ทรงใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และรับรองพระราชอาคันตุกะ ปัจจุบันเป็นที่รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ซึ่งแสดงถึงการใช้ชีวิต ที่เรียบง่ายแบบสามัญ พระตำหนักดอนแค (พระตำหนักแดง) เป็นอาคารทรงยุโรปสองชั้น สร้างด้วยไม้สักทองทาด้วยสีแดงคล้ำ ออกแบบโดย หม่อมเจ้า กรวิก จักรพันธุ์ พระองค์โปรดเกล้าฯให้เป็นบ้านพระราชเลขานุการ และรองราชเลขานุการในพระองค์

วังสวนบ้านแก้ว เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30–16.00 น. สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ และการเข้าชมเป็นหมู่คณะติดต่อล่วงหน้า โทร. 0 3933 5408-9 ต่อ ประชาสัมพันธ์

วัดพลับ

ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางกะจะ ห่างจากค่ายเนินวงประมาณ 1 กิโลเมตร สังเกตป้ายบอกทางเข้าทางซ้าย ตามหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานว่าพื้นที่ชุมชนวัดพลับและบ้านบางกะจะคงมีอายุในราว พ.ศ. 2300 เป็นบริเวณที่กองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราชได้ใช้พักไพร่พล สิ่งก่อสร้างในวัดมีด้วยกันหลายสมัย ตู้พระไตรปิฎกไม้ลงรักปิดทองเขียนลายรดน้ำศิลปะแบบอยุธยาตอนปลาย เจดีย์ทรงปรางค์สร้างเมื่อ พ.ศ.2441 หอไตรกลางน้ำเป็นอาคารไม้ เสารองรับหลังคาเป็นของเดิมมีเขียนลายรดน้ำปิดทอง อายุเก่ากว่าสมัยก่อนอยุธยา ได้รับการซ่อมครั้งล่าสุด เมื่อพ.ศ. 2518 เจดีย์กลางน้ำเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบรัตนโกสินทร์ วิหารไม้หลังคาทรงจตุรมุขที่มีอายุนับร้อยปี ภายในประดิษฐานพระประธานปางทุกรกิริยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเสด็จเมืองจันทบุรี และพระอุโบสถแห่งนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกมุรธาภิเษกในสมัยต้นราชวงศ์ จักรี (มุรธาภิเษก คือ น้ำรดพระเศียรในงานราชาภิเษก หรือพระราชพิธีอื่นๆ –พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525) ด้านหลังวัดเคยมี “สำซ่าง” ซึ่งเชื่อว่าเหลืออยู่ที่วัดนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เป็นที่เผาศพแบบโบราณ มีลักษณะเป็นหลังคาลดชั้น 5 ชั้น ยอดแหลมมุงด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่า (กระเบื้องดินเผาปลายตัดเป็นมุมแหลม ผิวด้านสีแดงตามเนื้อดิน ใช้มุงหลังคา โบสถ์ วิหาร : พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525) แต่ปัจจุบันพังทลายลงไปแล้ว


ถนนอัญมณี

เป็นคำเรียกขาน หมายถึง บริเวณถนนศรีจันท์และตรอกกระจ่าง นับเป็นถนนเศรษฐกิจของจังหวัด เพราะเป็นที่ตั้งของร้านเจียระไนพลอยและร้านค้าอัญมณีต่างๆ ซึ่งอาจนับได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดค้าพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศ ในวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 -15.00 น. ยังสามารถเห็นบรรยากาศการซื้อขายพลอยของบรรดานายหน้าและพ่อค้าพลอย ที่เดินทางมาจากที่ต่างๆกันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินับเป็นเสน่ห์อย่าง หนึ่งของเมืองจันทบุรี ซึ่งไม่อาจพบได้ในจังหวัดอื่น


วัดทองทั่ว

อยู่ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากตัวเมืองราว 4 กิโลเมตร มีพระอุโบสถและเจดีย์อายุนับร้อยปี เป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุเขมร ได้แก่ ทับหลังแบบถาลาปริวัติ และทับหลังแบบไพรกเมง (พ.ศ.1150-1250) เสาประดับกรอบประตูแบบนครวัด และโกลนพระคเณศทำจากหินทรายสีขาว เป็นต้น


ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา (ช่องผักกาด)
ตั้งอยู่ที่บ้านคลองใหญ่ หมู่ 4 ตำบลคลองใหญ่ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอโป่งน้ำร้อน 30 กิโลเมตร เป็นตลาดที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นจุดผ่อนปรนที่อนุญาตให้เฉพาะชาวไทยเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ระหว่าง เวลา 07.00 - 16.00 น. ตลาดนี้จะอยู่ห่างจากกรุงไพลิน 20 กิโลเมตร และห่างจากเมืองพระตะบอง 68 กิโลเมตร

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่าวคุ้งกระเบน
อยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 15 กิโลเมตร เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เป็นพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย ปัจจุบันมีต้นไม้เบิกนำขึ้นมาทดแทนไม้ดั้งเดิม สภาพป่าเป็นป่า 4 ชนิดในพื้นที่เดียวกัน ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าชายหาด และป่าชายเลน นอกจากนี้ทางเขตฯ ได้จัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ผ่านจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหาด เจ้าหลาวและปากน้ำแขมหนูได้ ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

เกาะจิก
ตั้งอยู่ที่ ต.บางชัน เป็นเกาะซึ่งมีการนำร่องโครงการใช้พลังงานทดแทนแบบผสมผสานโดยมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และเครื่องปั่นไฟสำหรับ
ผลิตกระแสไฟฟ้าไฟฟ้าให้แก่บ้านเรือนบนเกาะ ประมาณ 100 หลังคาเรือนโดยใช้การเก็บค่าไฟแบบเติมเงิน ประชากรส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง เลี้ยงปลา กุ้งแห้ง

การเดินทาง ใช้ถนนสุขุมวิทจนถึงสามแยกไปท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่ ให้เลี้ยวขวา ไปทางเดียวกับท่าเรือเกาะช้างเฟอร์รี่ จากนั้นเลี้ยวขวาไปทางอ่าวกระป่อง ไปทางท่าเรืออ่าวกระป่อง สามารถจอดรถได้ที่ท่าเรือ จากนั้นลงเรือข้ามไปเกาะจิก

เจดีย์เขาพลอยแหวน

อยู่ในตำบลเขาพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ บนทางหลวงหมายเลข 3174 สร้างเมื่อ พ.ศ. 2375 ในรัชกาลที่ 5 โดยพระยาจันทบุรีเป็นผู้สร้างขึ้นในจุดที่สูงที่สุดของเขาพลอยแหวน เป็นเจดีย์กลมแบบลังกา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมีมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2471 แทนพระพุทธบาทเดิมที่แตกหัก บริเวณโดยรอบวัดเคยเป็นแหล่งขุดพลอยแห่งแรกของจังหวัดจันทบุรี


วัดโบสถ์เมือง
ตั้งอยู่ริมถนนเบญจมราชูทิศ สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยสังเกตได้จากเสมาหินทรายขาว รวมทั้งอุโบสถและเจดีย์ทรงลังกา นอกจากนี้ยังมีทับหลังเป็นศิลปะบาปวนตอนปลาย พ.ศ. 1510-1630 รูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณในซุ้มเรือนแก้ว

โบราณสถานเมืองเพนียด
ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ตำบลคลองนารายณ์ ห่างจากวัดทองทั่วไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 300 เมตร กรมศิลปากรได้ดำเนินการสำรวจและได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเรียบร้อยแล้ว โดยสันนิษฐานว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นที่ตั้งเมืองจันทบุรียุคแรกหรือ ประมาณ 1,000 ปีล่วงมาแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงซากกำแพงศิลาแลง และส่วนที่เป็นคันดินสูงประมาณ 1-3 เมตร ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นสิ่งก่อสร้างประเภทใด

สถานโบราณคดี มนุษย์โบราณ
อยู่ห่างจากอำเภอโป่งน้ำร้อน 25 กิโลเมตร กรมศิลปากรได้ดำเนินการสำรวจและขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ เครื่องมือหินกระเทาะ เครื่องใช้ ภาชนะดินเผาและเครื่องประดับต่าง ๆ อายุประมาณ 4,000 ปี ขณะนี้ได้เคลื่อนย้ายโครงกระดูกและโบราณวัตถุต่าง ๆ ออกจากหลุมขุดแล้ว

บ่อน้ำพุร้อน

อยู่ห่างจากอำเภอโป่งน้ำร้อน 18 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเส้นทางหลวงหมายเลข 3193 เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ มีทั้งหมด 3 บ่อ ล้อมรอบด้วยสวนลำใยและสวนทุเรียน


สวนรุกขชาติชายหาดแหลมเสด็จ
ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 25 กิโลเมตร เป็นชายหาดขนาดเล็กที่มีความสวยงาม ร่มรื่นด้วยเงาของสนทะเลและพันธุ์ไม้ชายหาดนานาชนิด

ท่องเที่ยวเชิงเกษตรบางสระเก้า

ชมการทำนากก การทำนาปอ การสาทิตการทอกก การผลิตเสื่อจันทรบูร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
การเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงหอยนางรม ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป

สนใจติดต่อ ศูนย์บริการท่องเที่ยวเชิงเกษตรบางสระเก้า ศูนย์ศิลป์เสื่อ โทร 0 3945 0923 , สำนักงานเกษตรอำเภอแหลมสิงห์ โทร 0 3939 9004 , สำนักงานเกษตรจังหวัด โทร 0 3932 2180, 0 3932 2158


ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านการทอเสื่อจันทบูรหมู่บ้านเสม็ดงาม
ชาวบ้านจะใช้เวลาว่างงานหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว มาทอเสื่อ โดยนำต้นกกซึ่งมีอยู่มากในบริเวณนี้มาตากแห้งย้อมสี และทอเป็นเสื่อ หรือดัดแปลงทำเป็นกระเป๋าใส่เอกสาร หากจะเดินทางไปที่นี่ใช้เส้นทางถนนจันทคามวิถี ผ่านวิทยาลัยเทคนิคจันทบุรีแล้วเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานไปทางวัดเกาะโตนด เลยสามแยกวัดเกาะโตนดไปประมาณ 20 เมตร เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางอ่างหิน-อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก ระยะทาง 3 กิโลเมตร ก็จะถึง สนใจชมการสาธิตการทอเสื่อกรุณาติดต่อเข้าชมล่วงหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด โทร. 0 3931 1565